ภาคประชาชน ยื่น กมธ.ที่ดินฯ ค้านเหมาเข่งเพิกถอนพื้นที่ทับลาน

วันนี้ ที่รัฐสภา เครือข่ายภาคประชาชน ร่วมตัวกันเดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านการกันพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานแบบเหมาเข่ง



นายพสิษฐ์ เอี๋ยวพานิช สมาคมอุทยานแห่งชาติ พร้อมด้วยนายภานุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อสิ่งแวดล้อม ยื่นหนังสือต่อนายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอคัดค้านกรณีการปรับปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน



โดยนายภานุเดช กล่าวว่า เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ให้เพิกถอนพื้นที่ป่าออกไป แต่ในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา มีการพยายามที่จะนำประเด็นดังกล่าวไปให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ สคทช. ดำเนินการอนุมัติเพิกถอนพื้นที่อุทยานใหม่ โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่อยู่มาไม่เกินปี 2557 ตามประกาศอุทยานแห่งชาติปี 2562 ได้มีการผ่อนปรนให้สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ แต่ว่า กลุ่มที่มีพื้นที่รวมกว่าแสนไร่ คือกลุ่มที่อยู่ในระหว่างการติดตามดำเนินคดี และตรวจสอบ ซึ่งหลายๆ แปลง กำลังอยู่ ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล



จึงทำให้รู้สึกว่าถ้าเหมาเข่ง ทั้ง 3 กลุ่มพื้นที่รวมกันแล้วเพิกถอนจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จะเป็นลักษณะของการนิรโทษกรรม ผู้ที่อาจทำผิด และกระทบต่อการดูแลจัดการพื้นที่อนุรักษ์อื่นๆทั่วประเทศ



นอกจากนี้ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ซึ่งการเพิกถอนพื้นที่จะก่อให้เกิดผลกระทบกับผืนป่า สัตว์ป่าและคุณค่าความสำคัญของความเป็นมรดกโลกอย่างแน่นอน ซึ่งคณะกรรมการมรดกโลกเองก็มีความห่วงใย หากกลไกในการดำเนินการเรื่องเหล่านี้ไม่ชอบ จึงอยากที่จะให้ช่วยติดตามตรวจสอบ หาข้อเท็จจริงในแนวทางที่ควรจะเป็นกับเรื่องนี้



ด้านนายพสิษฐ์ กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2524 ได้มีการสำรวจรังวัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการพิสูจน์สิทธิ์ ซึ่งหากไม่เห็นแก่ใคร มั่นใจว่า จะพิสูจน์คนที่ได้โฉนด ว่า เป็นคนจนจริงๆ จึงขอสนับสนุนให้ราษฎรที่ครอบครองที่ดินสามารถครอบครองที่ดินต่อไปได้



ทางด้าน นายพูนศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ฯ บอกว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อพิจารณาในวันที่ 17 กรกฎาคมนี้ โดยจะมีการเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง ทั้ง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือส.ป.ก. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือกอ.รมน. และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อนำข้อสรุปที่ได้ ให้ฝ่ายบริหารไปดำเนินการต่อ