สังคม
จับตาพรุ่งนี้ 3 บ.เอกชน เข้าประเมินสารเคมี 'วินโพรเสส' จ่อกำจัด-ขนย้ายทันที
โดย nut_p
16 พ.ค. 2567
120 views
กรณีกระทบจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานวิน โพรเสส จ.ระยอง ที่ลักลอบเก็บกากสารเคมีกว่า 3 หมื่นตันนั้น มีประเด็นให้ต้องจับตาว่าวันพรุ่งนี้ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง จะนำบริษัทเอกชนอย่างน้อย 3 ราย ไปประเมินกากอุตสาหกรรมที่ตกค้างในบริษัทวินโพรเสสว่า มีกากสารเคมีชนิดใดบ้าง ที่จะนำไปกำจัดได้ทันที และถ้าเป็นไปได้ก็จะย้ายชุดแรกในวันเสาร์นี้
ขณะที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ลงพื้นที่วินโพรเสส ยืนยันว่าภาครัฐซึ่งมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรม แต่ต้องมีมาตรการกำกับให้ผู้ประกอบการ รับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงการจัดตั้งกองทุนโดยเงินผู้ประกอบการ เพื่อนำมาใช้ทันที ที่เกิดผลกระทบโดยไม่ไช้งบประมาณจากรัฐ
ผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรม อย่างน้อย 3 รายที่ตอบรับจะเข้าไปประเมินกากอุตสาหกรรม ในโรงงานวินโพรเสส วันพรุ่งนี้ ประกอบด้วยบริษัท SCG บริษัทปูนซีเมนต์ นครหลวง และบริษัทเว้ลธ์ ฟิวชั่น อินเตอร์เทค ซึ่งบริษัทนี้มีกิจการตั้งอยู่ที่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ไม่ไกลจากโรงงานวินโพรเสส ที่เกิดเพลิงไหม้
ประเด็นที่ภาคเอกชนจะประเมินพรุ่งนี้คือดูว่าในบรรดาโกดัง 5 หลัง ของบริษัท วิน โพรเสสนี้ มีสารเคมีชนิดใดบ้างที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ และกากสารเคมีชนิดนั้น ตรงกับประเภทที่เจ้าของกิจการที่ไปวันพรุ่งนี้รับกำจัดหรือไม่ การเปิดเผยของอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุว่าหากประเมินแล้วว่าเป็นสารที่นำไป กำจัดได้ก็จะเริ่มเคลื่อนย้ายทันที ในวันเสาร์นี้
ข่าว 3 มิติ ตั้งข้อสังเกตว่า ในบรรดา 5 โกดังนั้น โกดังหลังที่ 2 ยังมีกากสารเคมีที่แทบไม่ถูกเพลิงไหม้ กากสารเคมีส่วนใหญ่ถูกเก็บในถัง IBC ขนาด1 พันลิตร แต่ชนิดของสาร เคมีอาจไม่ตรงกับบัญชีการสำรวจทั้งหมด เพราะมีการเคลื่อนย้ายอยู่เป็นระยะ
นอกจากนี้ โกดังหลังที่ 1 ก็เสียหายจากเพลิงไหม้ค่อนข้างน้อย โกดังหลังที่ 5 แบ่งเป็นส่วนหน้ากับส่วนท้าย ส่วนหน้ามีกากสารเคมีทั้งที่เป็นเถ้าฝุ่นผง และที่เป็นถังสารเคมี ขนาด 200 ลิตร เสียหายเป็นส่วนใหญ่เหลือตกค้างเป็นส่วนน้อย แต่โกดังหลังที่ 5 ส่วนท้าย ส่วนใหญ่เป็นถังขนาด 200 ลิตร ถูกเพลิงไหม้เกือบทั้งหมด
ขณะโกดังหลังที่ 3 ซึ่งถูกพบว่าถูกเก็บกากสารเคมีหลายชนิด แต่ที่เป็นประเด็นสุดคือกองอลูมิเนียม ดรอส ที่ก่อให้เกิดกลุ่มไอระเหยของแอมโมเนีย จนแสบตาแสบจมูกรุนแรง
ลักษณะทางกายภาพแบบนี้ที่บริษัทเอกชนจะประเมินการนำไปกำจัดหรือใช้ประโยชน์ต่อ โดยเป้าหมายของภาครัฐคือเมื่อกากสารเคมีเหล่านี้ถูกย้ายออกไปบางส่วน หรือย้ายออกไปเป็นส่วนใหญ่ จะทำให้การเข้าไปจัดการปัญหาอื่น ๆ ทำได้สะดวกขึ้น
ก่อนหน้านี้ กรรมการสิทธิมนุษยชชนแห่งชาติที่ลงพื้นที่ไปติดตามปัญหาดังกล่าว พร้อมรับฟังข้อมูลในพื้นที่ ยืนยันว่า ในจุดยืนว่าภาครัฐที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรม ก็ต้องมีนโยบายที่จะป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งโดยหลักการแล้วผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ และถ้าเมื่อผู้ประกอบการไม่รับผิดชอบ ทั้งที่ถูกดำเนินคดีหรือศาลมีคำสั่งแล้ว ก็ถือหน้าที่รัฐว่าจะมีจุดยืนหรือนโยบายแก้ปัญหานั้นอย่างไร
นางสาวศยามล ยังเห็นว่าหนึ่งในทางออกเรื่องนี้คือการส่งเสริมการตั้งกองทุน โดยเงินจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชนิดนี้ เพื่อที่เมื่อเกิดปัญหาจะนำมาใช้ได้ทันที โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ
พรุ่งนี้นอกเหนือจากบริษัทเอกชน พร้อมกรมโรงงานอุตสาหกรรม และจังหวัดระยอง จะลงพื้นที่เพื่อดูความเป็นไปได้ในการย้ายกากสารเคมีเร่งด่วนแล้ว กรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็จะลงพื้นที่วินโพรเสส เพื่อติดตามปัญหาและเร่งผลักดันการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วเช่นกัน