ศาลสั่ง บ.วิน โพรเสส ชดใช้ค่าฟื้นฟู 1,700 ลบ. ด้านชาวบ้านเรียกร้องรัฐ เร่งติดตามหวั่นจำเลยไม่ปฏิบัติตาม

ความคืบหน้า กรณีกรมควบคุมมลพิษ ฟ้องเรียกค่าฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ จากบริษัท วิน โพรเสส จังหวัดระยอง เมื่อปี 2565 หลังจากพบพยาน หลักฐานว่าเป็นแหล่งกำเนิดของกากสารเคมีที่ ปนเปื้อนดินและแหล่งน้ำในบ้านหนองพะวา และศาลพิพากษาให้บริษัทวิน โพรเสส ชดใช้เงินกว่า 1,700 ล้านบาท


คดีนี้ มีบริษัทวินโพรเสส จำเลยที่ 1 /นางสาววิชชุดา ไกรพงษ์ จำเลยที่ 2 และนายโอภาส บุญจันทร์ จำเลยที่ 3 ซึ่งวันนี้จำเลยทั้ง 3 ไม่มาฟังคำพิพากษาและไม่ส่งตัวแทนมารับฟัง


ศาลได้อ่านย้อนถึงคดีอาญา ที่อุตสาหกรรมาจังหวัดระยอง ฟ้องจำเลย ทั้ง 3 เมื่อปี 2564 ฐานครอบครองวัตถุอันตราย ซึ่งจำเลยสารภาพ และรับผิดตามฟ้อง // จากนั้น กรมควบคุมมลพิษ นำพยานบุคคล พยานวัตถุจากการตรวจวิเคราะห์ดินและน้ำ รวมถึงคำสารภาพของจำเลยในคดีอาญา กล่าวโทษจำเลยว่าเป็นต้นเหตุการปนเปื้อนของสารเคมีที่ลักลอบเก็บลงสู่พื้นที่ประชาชนและที่สาธารณรวม 144 ไร่


พร้อมกับเรียกค่าเสียหายคืนแก่รัฐ นับแต่ค่าเดินทางปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ/ค่าตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างดินและน้ำ/ ถึง 912 ตัวอย่าง /ตัวอย่างละ 12,320 บาท


นอกจากนี้ยังมีค่าขุดดินปนเปื้อน ค่าขนส่งดินปนเปื้อน และค่ากำจัดดินปนเปื้อน ที่บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี จ.สระแก้ว ค่าปูนปรับสภาพดิน รวมถึงการกำจัด บำบัดน้ำ โดยบริษัทสยามเอ็นไวรอนเทนทอลเทคโนโลยี เป็นต้น และเมื่อรวมค่าทนายความ 2 หมื่นบาท และดอกเบี้ยแล้ว รวมเป็นเงิน 1,743,589,923.46 บาท และวันนี้ศาลพิพากษาตามคำขอ ของกรมควบคุมมลพิษทุกประการ ส่วนจำเลยแม้ไม่มาฟังคำพิพากษา แต่ใช้สิทธิ์อุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน


ชาวบ้านหนองพะวา หลายคน ที่ไปสังเกตุการณ์และรอฟังผลการตัดสินคดีวันนี้ ยอมรับว่าดีใจที่คำพิพากษาดังกล่าว และยืนยันถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยังกังวลว่าบริษัทจะปฎิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่ หรือหากภาครัฐจริงใจ ต้องการแก้ปัญหาให้ชาวบ้านจริง จะใช้งบของรัฐแก้ปัญหานี้ให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนมากอยู่แล้วก่อนได้หรือไม่


เอกสารคำพิพากษานี้ เป็นหลักฐานหนึ่งที่เป็นเหตุผลหลักให้ชาวหนองพะวา เป็นกังวลแม้จะมีคำพิพากาษคดีแพ่งวันนี้ เพราะชาวบ้าน 15 คน เคยชนะคดีแพ่งมาแล้ว เมื่อปี 2565 ศาลสั่งให้วินโพรเสส ชดใช้เงินค่าพื้นที่การเกษตรที่เสียหาย 20ล้านบาท ตอนนี้โจทก์เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน แต่ยังไม่มีใครได้เงินชดเลย


ขณะที่ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรม ภายใต้แผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอาชญกรรมทางสิ่งแวดล้อมชัดเจน และภาครัฐต้องเร่งรัดกระบวนการยืบทรัพย์ ป้องกันการโยกย้ายถ่ายโอน เพื่อเลี่ยงความรับผิดชอบทางแพ่ง


จนถึงขณะนี้ กรรมการและบริษัทวินโพรเสส ถูกดำเนินคดีมาแล้ว 4 คดี คือคดีอาญาโดยดีเอสไอ คดีอาญาโดยอุตสาหกรรมจังหวัด /คดีแพ่งโดยชาวบ้านร่วมกันเป็นโจทก์ และคดีแพ่งที่กรมควบคุมมลพิษ เป็นโจทก์ //และอีก 1 คดี ซึ่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ดำเนินคดีนายโอภาส บุญจันทร์ ในความผิดอาญาฐานปล่อยสารเคมีมีพิษลงแหล่งน้ำ คดีนี้อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน และผอ.กองกฎหมาย กรมโรงงานที่มาฟังคำพิพากษาวันนี้ระบุว่า จะนำคำพิพากษาดังกล่าวไปศึกษารายละเอียด เพื่อดูว่าจะประกอบการการดำเนินคดีอาญาต่อนายโอภาส บุญจันทร์ ได้อีกหรือไม่อย่างไร