สังคม
ประชาชนรอบโรงงานทยอยตรวจสุขภาพ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ถังสารเคมี พบป่วยรุนแรงกว่า 60 ราย
โดย panisa_p
10 พ.ค. 2567
81 views
ความคืบหน้าหลังเหตุเพลิงไหม้ถังบรรจุสารเคมี บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล วันนี้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมลงพื้นที่ระบุว่าสถานการณ์ที่มาบตาพุดสงบแล้ว ขณะที่ประชาชน ชุมชนโดยรอบโรงงานยังกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ส่วนสภาทนายความ เตรียมลงพื้นที่รับคำร้องทุกข์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบ
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อติดตามปัญหา เหตุเพลิงไหม้ บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด ตั้งแต่ช่วงสายวันนี้ โดยก่อนเข้าห้องประชุมรับฟังบรรยายสรุป มีประธานอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านจังหวัดระยอง พร้อมด้วยสมาชิก เข้ายื่นหนังสือ เพื่อให้ตรวจสอบสาเหตุของเกิดเพลิงไหม้อย่างตรงไปตรงมา หลังรับเรื่อง นางสาวพิมพ์ภัทราได้เข้าร่วมประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังคำชี้แจงภายในห้องประชุมการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
โดยนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า หลังจากการตรวจสอบจนแน่ชัดว่าเพลิงได้ดับแล้ว ทางจังหวัดจึงประกาศยกเลิกพื้นที่ประสบเหตุสาธารณภัยในชุมชน หนองแฟบ ตา-กวน ,อ่าวประดู่ แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบ อย่างใกล้ชิด เพื่อคอยช่วยเหลือ
ขณะที่ นางสาวพิมพ์ภัทรา ได้เปิดเผยภายหลังรับฟังความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ พบว่า สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว บริษัทฯ ได้ทำการควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างเด็ดขาด แต่ขณะเดียวกันยังทำการฉีดโฟมหล่อเย็นไว้ เพื่อควบคุมอุณหภูมิจากสภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิสูง ส่วนการตรวจวัดคุณภาพน้ำและคุณภาพในบรรยากาศชุมชนโดยรอบพื้นที่พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ทางบริษัทฯ ยืนยันว่าจะดูแลและเยียวยาอย่างเต็มที่ แต่ได้กำชับ กนอ. ให้กำกับดูแลการประกอบกิจการในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม และท่าเรืออุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด และรัดกุมมากขึ้น อีกทั้งต้องกำกับให้ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับตาม พ.ร.บ.โรงงาน
ส่วนประชาชนโดยรอบพื้นที่โรงงานวันนี้ได้ทยอยเดินทางไปตรวจสุขภาพที่ศาลาเอนกประสงค์ข้างวัดตากวน ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ตั้งแต่ช่วงเช้า หลังเจ้าหน้าที่การนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้นำบุคลากรกรทางการแพทย์ มาตั้งโต๊ะเพื่อให้บริการตรวจสุขภาพ
ทีมข่าวสอบถามคุณแม่ซึ่งพาทารกวัย 8 เดือนมาเข้ารับบริการ ซึ่งสังเกตเห็นได้ชัดว่า ทารกมีอาการตาแดง น้ำตาไหล จากการสอบถามทราบว่า ทารกอาเจียนหนักตั้งแต่เมื่อวานนี้ และตาแดง ซึ่งเบื้องต้นได้ตรวจแล้ว แพทย์บอกว่า มีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ซึ่งเกิดจากการสูดดมสารเคมี และตัวคุณแม่เองก็มีอาการอาเจียนเป็นเลือดด้วย
เช่นเดียวกับประชาชนที่มาเข้ารับบริการอีกรายหนึ่ง บอกว่า บ้านของเธออยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียงแค่มีคลองกั้นเท่านั้น จึงได้กลิ่นเหม็นค่อนข้างแรง หลังเกิดเหตุแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มมีอาการแสบคอ แสบตา ตาแดง และน้ำตาไหลตลอดเวลา เมื่อคืนนี้ซื้อยาหยอดตามาหยอดแต่ไม่ดีขึ้น เช้าวันนี้จึงมาตรวจและเจ้าหน้าที่ทำเรื่องส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล มาบตาพุด แต่ก็ยังกังวลว่าอาจจะมีอาการข้างเคียงมากกว่านี้
สำหรับวันนี้ตั้งแต่เวลา 08.30-13.00 น. ได้มีประชาชนเข้ามารับบริการตรวจสุขภาพแล้ว 190 ราย โดยพบว่า เป็นกลุ่มที่มีอาการไม่รุนแรง 43 ราย คือ มีอาการไอเล็กน้อย เจ็บคอ มีผื่นขึ้น แสบตา และกลุ่มที่มีอาการรุนแรง 67 ราย คือ มีอาการอาเจียน ปวดศีรษะซึ่งกลุ่มนี้ต้องทำเรื่องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ส่วนอีก 80 ราย พบว่าไม่มีอาการ แต่มาตรวจสุขภาพเพราะมีความกังวล
ด้านกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ มีอาชีพจับสัตว์ทะเลไปขาย ชาวบ้านบอกว่าเหตุการณ์เมื่อวาน
ทำให้ขาดทุน ขายของไม่ได้ และหลังเกิดเหตุของก็จะขายยากขึ้น เพราะคนกังวลว่า อาหารทะเลจะมีสารเคมีปนเปื้อนหรือไม่ ดังนั้นอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล
ด้านนาย วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เปิดเผยว่า วันจันทร์ 13 พฤษภาคมนี้ ทีมสภาทนายความจะลงพื้นที่ เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนที่ได้รับผลกระทบเหตุเพลิงไหม้ ว่าจะสามารถช่วยเหลือใดได้บ้าง เพราะเห็นได้ชัดว่าเหตุไฟไหม้ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อประชาชนด้านปัญหาสุขภาพ และความเสียหายทั้งทางร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน ตลอดจนยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมแนะนำให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และรัศมีการแพร่กระจายของสารเคมีไปตรวจสุขภาพไว้ เพื่อที่หากในอนาคตเกิดปัญหาสุขภาพ ที่ยืนยันได้ชัดเจนว่าเกิด จากเหตุไฟไหม้ดังกล่าวข้อมูลที่เก็บไว้ ก็สามารถใช้เป็นหลักฐาน ในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เป็นกลุ่มได้ในภายหลัง แม้จะผ่านไป 10-20 ปี ก็ไม่มีอายุความ