เปิดพิรุธพื้นที่ปักหมุด ส.ป.ก. ริมน้ำลำตะคอง ในเขตป่าไม้ถาวร ออกโดยชอบจริงหรือ?

กรมอุทยานฯกรมป่าไม้และตำรวจ ปทส. ไปตรวจสอบหมุด ส.ป.ก. แปลงหนึ่ง ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยานเขาใหญ่ชัดเจน และปรากฏว่าอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร รูปแปลงและหมุด ส.ป.ก. อยู่ริมลำน้ำลำตะคอง พาดผ่านไปถึงเชิงเขาที่ความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นแน่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เจ้าของแปลงนี้ยังมีชื่อได้อีก 7 แปลง รวมเนื้อที่กว่า 80 ไร่ และเชื่อมโยงกับแปลงที่อุทยานฯตรวจยึดบริเวณพิพาท บ้านเหวปลากั้ง เมื่อกรกฎาคมและสิงหาคมปีที่แล้ว จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน



แปลงแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวันนี้ อยู่ในท้องที่หมู่ 5 บ้านกุดคล้า ต.หมูสี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่าแปลงนี้มีข้อสงสัยว่าออกริมลำน้ำลำตะคอง ลักษณะเป็นแนวยาวเกือกม้า



ภาพจากแผนที่จะเห็นว่าสีแดงคือแปลงที่มีโฉนดแล้ว แต่เส้นโค้งสีเหลืองอ่อนนั้นคือรูปแปลง ส.ป.กที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ขณะที่ภาพมุมสูงก็เห็นชัดว่าแปลงนี้ อยู่ริมลำน้ำลำตะคองและพาดผ่านไปตามแนวเขาชื่อเขาวังหิน



ก่อนหน้านี้ชุดเฉพาะกิจพญาเสือไปเดินสำรวจมาแล้ว พบหมุด ส.ป.ก.ฝังอยู่สองฝั่งของลำตะคอง โดยฝั่งซ้ายตามทิศทางการไหลของน้ำ พบหมุด ส.ป.ก. 2 แปลง แต่หมุดนี้อยู่ในฝั่งที่มีโฉนดจึงเป็นที่สงสัยของเจ้าหน้าที่ และจะตรวจสอบเพิ่ม



ส่วนฝั่งขวาของลำตะคอง พบ 3 หมุด เป็นหมุด สปก. 2 หมุด และ1 หมุดเป็นหมุดกรมที่ดิน เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าบริเวณนี้ถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวร ต่อมาถูกจัดอยู่ในเขตป่าจำแนก แต่สภาพที่เห็นก็ไม่เหมาะที่จะออกเอกสาร ส.ป.ก.ได้



นายชัยวัฒน์ ผู้ครองครองแปลงนี้ เชื่อมโยงกับหญิงอีกคนที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในกรุงเทพฯ และคนกลุ่มนี้ก็ทำธุรกิจโรงแรม รีสอร์และอสังหาฯ จึงสงสัยว่ามีคุณสมบัติจะได้สิทธิ์หรือไม่



ข้อมูลเจ้าหน้าที่ระบุว่า การตรวจจับผู้แผ้วถางแปลงที่ดิน บริเวณเขตพิพาทกับ สปก.บ้านเหวปลากั้ง เมื่อกรกฎาคม และสิงหาคม ปีที่แล้ว นางสาวปพิณริยา ได้แสดงเอกสาร ส.ป.ก.



ต่อมานายนายอนุพงศ์ ซึ่งมีชื่อครอบครองส.ปก.แปลงนี้ ไปแสดงตัวต่อตำรวจว่า รับจ้างจากเจ้าของแปลงไปดำเนินการหาผู้แผ้วถางแทนเจ้าของแปลง ก.



เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านางสาวปพิณริยา ภูมิลำเนาที่กรุงเทพฯ ทำธุรกิจอสังหาริมทรพย์ ส่วนนายอนุพงษ์เคยเป็นกรรมการบริษัท ทำธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษา บริษัทที่ทำธุรกิจโรงแรม และเฉพาะนายอนุพงษ์ มีชื่อได้สิทธิ์ สปก. รวม 8 แปลง ในตำบลหมูสี ตำบลปากช่อง ของอำเภอปากช่อง และตำบลห้วยบง อ.ด่านขุนทด รวมคนเดียวกว่า 80 ไร่ สถานะเอกสารมีทั้งที่มอบ สปก.แล้ว และที่อยู่ระหว่างสำรวจรังวัด และสอบสวนสิทธิ์กรณีแปลงนี้ กรมป่าไม้จะดำเนินคดีกรณีพบการถมหินลงลำตะคอง ซึ่งเป็นการบุกรุกลำน้ำ และจะขยายผลไปหาหมุดดังกล่าวเพิ่มเติม



จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ไปตรวจสอบแปลงที่ดินของป่าสงวนแห่งชาติป่าดงพญาเย็น บ้านหนองเครือคต ต.กลางดง ซึ่งนายพนวัฒน์ พี่เขยอดีตพนักงานราชการป่าไม้ ได้สปก.ที่นี่ 1 แปลง และได้ส.ปก.ที่แปลงพิพาทเหวปลากั้งอีก 1 แปลง



ที่นี่คือแปลงที่หมุด ส.ป.ก.บนเชิงเขาท่ามกลางโขดหินจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ป่าไม้ระบุว่ามีแปลง ส.ป.ก.ในเขตป่า ที่ไม่ควรออกจริง และอีกด้านเป็นส่วนป่ากลางดง ที่เป็นป่าปลูกต้นไม้สัก แปลงนั้นไม่สามารถออก ส.ป.ก.หรือสิทธิ์ใดๆได้ ถูกขุดบ่อขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 1 ไร่และลึกมากกว่า 3 เมตร ในส่วนป่าดังกล่าว



การลงพื้นที่วันนี้มี เจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ส.ป.ก. มาสังเกตการณ์ด้วย และยอมรับว่ามีหลายแปลงที่ไม่เหมาะสม ออก ส.ป.ก. ซึ่งถูกตั้งกรรมการสอบสวนอยู่ และแปลงเหล่านี้ก็จะเพิกถอนต่อไป



แปลงนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตัดและทำไม้ ข้อหาเปลี่ยนแปลงสภาพโดยการขุดบ่อในพื้นที่สวนป่า และเสนอเพิกถอน ส.ป.ก.แปลงเหล่านี้ด้วย