บช.ก. ระดมกวาดล้างปืนเถื่อน และปืนดัดแปลงที่ซื้อขายออนไลน์ทั่วประเทศ

เดือนที่แล้ว เกิดเหตุลูกน้องกำนันนกยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรทางหลวงเสียชีวิตที่บ้านกำนันนกในจังหวัดนครปฐมโดยพบว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนสวัสดิการที่นำไปจำนำ หลังจากนั้นเกิดเหตุเยาวชนซื้อแบล็งกัน ทางออนไลน์มากราดยิงภายในห้างสยามพารากอน และล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงกันภายในสนามชนไก่ ที่จังหวัดนครปฐมอีกครั้ง ซึ่งคาดว่า ขณะนี้มีปืนที่อยู่ในตลาดมืด ซื้อขายกันจำนวนมาก โดยวันนี้ตำรวจสอบสวนกลางได้ระดมกวาดล้างปืนเถื่อน และปืนที่ซื้อขายกันทางออนไลน์ทั่วประเทศ


คืนวันที่ 5กันยายน พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติงานในหน้าที่สารวัตรทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 ถูกนายธนัญชัย หรือหน่อง กระหน่ำยิงเสียชีวิตภายในสำนักงานของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ทำให้ตำรวจสอบสวนกลางขยายผลถึงอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบว่าเป็นปืนขนาด 9 มม.ของรองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครปฐม เป็นปืนสวัสดิการ ที่นำมาจำนำไว้กับกำนันนก โดยการตรวจค้นอาวุธปืนเครือข่ายกำนันนกยังพบปืน เอ็ม 16และปืนอื่นๆอีก 16กระบอก ความสูญเสียสารวัตรศิวกร ทำให้จังหวัดนครปฐม ถูกจับตามองว่านักการเมืองท้องถิ่นและลูกน้อง มีปืนกันเป็นจำนวนมาก ครอบครองกันคนละหลายสิบกระบอก


และล่าสุด เมื่อคืนนี้ ได้เกิดเหตุกระหน่ำยิงภายในสนามไก่ชน ที่อ.ดอนตูม จ.นครปฐม หลังจบการท้าพนันชนไก่ ได้เกิดเหตุท้าทายกันขึ้น โดย นายเบ็น เหล่างาม เจ้าของไก่ ซึ่งแพ้พนันวิ่งไปคว้าปืน ที่ซุกซ่อนมากับกล่องอุปกรณ์ใส่ไก่ ขึ้นมายิง นายพิรุณ เจ้าของไก่ที่ชนะสังกัดวัยรุ่นสร้างบ้าน กลางสนาม โดยปืนที่ใช้ยิงเป็นขนาด 9 มม. และคาดว่าจะเป็นปืนสวัสดิการเช่นเดียวกัน เพราะผู้ก่อเหตุมีญาติ เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งคนในชุมชนได้แต่บอกว่า ไม่มีใครกล้าสุงสิงด้วย


หลังจากเกิดเหตุยิงกันในบ่อนไก่ ทำให้วันนี้มีทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปตรวจสนามชนไก่ สั่งพักใบอนุญาตชั่วคราว และหาที่มาของปืนที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ ซึ่ง


เมื่อเกิดเหตุบ่อยครั้ง ทำให้วันนี้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ปล่อยแถวกวาดล้างปืนเถื่อน รวมทั้งแบล็งกัน ที่นำมาดัดแปลงลำกล้องให้ใช้ได้จริง ซึ่งซื้อขายกันทางออนไลน์จำนวนมาก โดยปฏิบัติการมีขึ้น 47 จังหวัด โดยในพื้นที่จ.นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี จับกุมลูกน้องเครือข่ายนักการเมือง และหัวคะแนน ได้พร้อมปืนและกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต


ซึ่งจากปฏิบัติการกวาดล้างปืนเถื่อนและปืนออนไลน์ เบื้องต้นสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้จำนวน 36 คน ตรวจยึดอาวุธปืนเถื่อนได้จำนวน 53 กระบอก แบ่งเป็นอาวุธปืนทั่วไป 22 กระบอก และ อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 31 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดต่างๆ จำนวน 1,581 นัด ลำกล้อง 46 ชิ้น แม็กกาซีน 14 อัน เสื้อเกราะยุทธภัณฑ์ 2 อัน และ อุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืนต่างๆ 32 ชิ้น ส่วนหนึ่งเป็นบ้านนักการเมืองท้องถิ่น และลูกน้องนักการเมืองท้องถิ่น