สังคม

‘ภาคประชาสังคมเมียนมา-ไทย’ ร้องรัฐบาลรักษาการของไทย ยกเลิกการประชุมลับกรณีเมียนมา 19 มิ.ย.นี้

18 มิ.ย. 2566

126 views

ภาคประชาสังคมเมียนมาและไทย 546 องค์กร ยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องไทยยกเลิกการประชุมลับที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดอน ปรมัตถุ์วินัย เชิญสมาชิกอาเซียนและเมียนมาประชุมลับในไทย 19 มิถุนายนนี้ โดยทันที โดยเป็นห่วงว่าจะยิ่งเพิ่มสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา ซึ่งล่าสุดยังมีการสู้รบในรัฐคะเรนนีมีประชาชนต้องหนีตายกว่า 4 พันคน แล้ว


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันการประชุมแบบไม่เป็นทางการในฐานะเพื่อนบ้านที่ต้องการเห็นสันติภาพกลับคืนสู่เมียนมา ไม่ได้ทำในกรอบอาเซียน


ภาคประชาสังคมเมียนมาและไทย 546 องค์กร มีจดหมายเปิดผนึกด่วน ประณามการประชุมลับ ที่นายดอน ปรมัตถุ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่ประเทศไทย ในวันที่ 18-19 มิถุนายน จึงเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการของไทย ยกเลิกการประชุมโดยทันที เพราะถือเป็นการดูหมิ่นอย่างสิ้นเชิงต่อประชาชนชาวเมียนมา และขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับฉันทามติของอาเซียน และไม่ได้เกิดจากความตกลงของรัฐภาคีอาเซียน รวมทั้งรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ในการจัดการประชุมครั้งนี้


ภาคประชาสังคมยังเห็นว่า การดำเนินงานเพียงฝ่ายเดียวของรัฐบาลรักษาการของไทยครั้งนี้ ยังขัดกับมติที่ 2669 วันที่ 21 ธันวาคม 2564 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ



ในการพยายาม "ฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเต็มที่" กับรัฐบาลทหารที่ผิดกฎหมาย เท่ากับว่าตัวแทนรัฐภาคีอาเซียนจะดำเนินการที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของประชาชนชาวเมียนมา ที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวอีกครั้งในกระบวนการสันติภาพในเมียนมา การดำเนินงานเช่นนี้เป็นการส่งสัญญาณต่อสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมาที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง


ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 ไทยจะจัดการประชุมพบปะแบบสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศเมียนมา ซึ่งไม่ได้เป็นการประชุมในกรอบอาเซียน แต่จะช่วยส่งเสริมสนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาเมียนมา


กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า ไทยเคยจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับเมียนมาแล้วหลายครั้ง ในหลากหลายรูปแบบและหลายระดับ


นอกจากนี้ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับเมียนมาถึง 2,400 กิโลเมตร ไทยต้องการเห็นสันติภาพและเสถียรภาพกลับคืนสู่เมียนมาอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนการพูดคุยกันเพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีและยุติการใช้ความรุนแรง รวมถึงการสู้รบตามชายแดนมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยด้วย


พร้อมย้ำว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับประชาชนเมียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการจัดตั้ง Humanitarian Task Force และได้ประสานงานองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก โดยการประชุมครั้งนี้จะมีผู้แทนระดับสูงจาก ลาว กัมพูชา เมียนมา อินเดีย จีน บรูไน เวียดนาม เข้าร่วม


ทั้งนี้ในเอกสารแถลงข่าว ไม่ได้ระบุสถานที่ และเวลาการประชุม ตามรายงานข่าวว่าเป็นการประชุมลับ โดยประเทศที่เข้าร่วมประชุมมีเพียง 6 ประเทศ จากประเทศสมาชิกอาเซียน ไม่มีอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน รวมถึง มาเลเซีย บูรไน สิงคโปร์


สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย มีหนังสือถึงไทยระบุว่าไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้และย้ำว่าในระดับผู้นำอาเซียนไม่มีการเห็นตรงกันว่าจะมีการคุยเรื่องเมียนมาอีก และทูตพิเศษของอาเซียนมีการพูดคุยกับทุกฝ่ายในเมียนมา เพื่อบรรจุการเจรจาแบบมีส่วนร่วมเพื่อยุติวิกฤตทางการเมืองในท้ายที่สุด และรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะประชุมและหารือเพิ่มเติมในการประชุม ที่กรุงจาการ์ตาภายในเวลาไม่ถึง 4


ในขณะที่จดหมายเชิญของนายดอน ระบุว่า การประชุมครั้งนี้ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นกระบวนการสันติภาพของเมียนมา หากการประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการนี้ได้ผลจะนำไปสู่การประชุมระดับผู้นำต่อไปด้วย


ภาคประชาสังคมเห็นว่า รัฐบาลรักษาการไม่ควรแสดงบทบาทนำควรให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการ และเห็นว่าอาเซียนต้องมีท่าทีต่อการกระทำที่ไม่เหมาะสมทางการทูตของไทยด้วย


ภาคประชาสังคมยังเรียกร้องให้มีการติดตามสถานการณ์การสู้รบล่าสุดในรัฐคะเรนนี ซึ่งนายคูอู ) ประธานพรรคก้าวหน้าแห่งชาติคะเรนนี KNPP เปิดเผยว่าทหารเมียนมาเปิดโจมตีอย่างหนัก ทำให้ประชาชนกว่า 4 พันคนใน 8 หมู่บ้านหนีตาย และกว่า 3 พันคน หนีภัยการสู้รบมายังประเทศไทย โดยแนวโน้มสถานการร์ยังน่าเป็นห่วง


โดยศูนย์สั่งการชายแดนไทยเมียนมาด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน รายงานว่า มีผู้หนีภัยจากรัฐคะเรนนี จำนวน 3,204 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ที่บ้่านเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง และ บ้านพะเข่ อำเภอขุนยวม ยังไม่เดินทางกลับ หน่วยงานของไทยได้ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมาตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน และเปิดรับการช่วยเหลือจากองค์กรต่างๆ รวมถึงหน่วยงานความมั่นคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

คุณอาจสนใจ