สังคม

เกาะติดการดำเนินคดีเอาผิดเจ้าของกิจการ 2 แห่ง ลักลอบทิ้งกากสารเคมี

โดย parichat_p

26 มี.ค. 2566

176 views

เป็นเวลา 1 เดือนเต็มที่ข่าว 3 มิติ นำเสนอปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมปนเปื้อนสารเคมี นับตั้งแต่จับรถบรรทุก 1 คัน ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ จนถึงการพบโกดังเก็บสารเคมีกว่า 4 พันตัน ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตอนนี้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเฉพาะการเก็บกู้สารเคมีที่ปนเปื้อนธรรมชาติ คืบหน้าไปมาก แต่การเดินหน้าทางคดีที่จะนำคนผิดมารับผิดชอบกำลังจะเริ่มขึ้นครับ



คดีรถบรรทุกทิ้งกากสารเคมี ที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ตำรวจดำเนินคดีแล้ว 3 คน คือเจ้าของรถบรรทุกที่ขนสารเคมีไปทิ้ง /คนขับรถรถบรรทุก ที่ขนสารเคมีไปทิ้ง และคนว่าจ้างให้ขนสารเคมีไปทิ้ง คือนายสุทธินันท์ ความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตราย ตาม พรบ.วัตถุอันตราย /โดยนายสุทธินันท์ ถูกซัดทอดว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายปฎิบัติการโรงงาน บริษัทเอกอุทัย ต.สามบัณฑิต


ต่อมานายสุทธินันท์ ไปยื่นหนังสือลาออก ประมาณวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หลังจากข่าว 3 มิตินำเสนอข่าวการยึดรถสารเคมี และพบหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงนายสุทธินันท์ //ช่วงนั้นบริษัทเอกอุทัย ไปชี้แจงกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่า นายสุทธินันท์ ซึ่งขับรถกระบะสีขาวของบริษัทเอกอุทัย กระทำโดยพละการไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท


คดีเหลือเพียงสอบสวนหาความเชื่อมโยงระหว่างนายสุทธินันท์กับบริษัทเอกอุทัย ก็จะส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องให้พนักงานอัยการสระบุรี


คดีลักลอบเก็บสารเคมีในโกดัง ที่อำเภอภาชี แยกเป็น กรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งความเอาผิดบริษัทเอกอุทัย ข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพรบ.วัตถุอันตราย และข้อหาประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.โรงงาน ซึ่งกรรมการบริษัทจะมีความผิดด้วย หลักฐานคือรถยนต์ พยานและเอกสารจำนวนมากที่เป็นของบริษัทเอกอุทัย จำกัด ที่พบในโกดัง


ต่อมา กรมโรงงานฯออกคำสั่งทางปกครองให้เจ้าของโกดัง 2 ราย ย้ายสารเคมีออกภายใน 30 มีนาคมนี้ และเตรียมออกคำสั่งทางปกครองเพิ่ม ให้บริษัทเพาะสอน ผู้เก่าโกดังหลังที่ 1 ถึง 3 และนายจตุวุฒิ ผู้เช่าโกดังหลังที่ 4 และ 5 รวมถึงบริษัทเอกอุทัย ที่เชื่อว่าเป็นเจ้าของสารเคมีที่เก็บอยู่ในโกดัง รวมทั้งหมด 5 ราย ให้ร่วมรับผิดชอบย้ายสารเคมีออกภายใน 30มีนาคมนี้


ประเด็นที่สาม กรมโรงงานฯ จะแจ้งความดำเนินคดี เจ้าของโกดังทั้ง 2 ราย และผู้เช่า 2 ราย รวม 4 ราย ฐานครอบครองวัตถุอันตรายด้วย โดยข้อหานี้ ได้แจ้งความบริษัทเอกอุทัยไปก่อนหน้านี้แล้ว


ประเด็นที่สี่ กรณีพบสารเคมีอันตรายประเภทที่ 3 อยู่ในโกดังของโรงงานบริษัทซันเทคฯ อำเภออุทัย โดยพบว่า มีภาชนะลากเกอร์ บ็อกซ์ คล้ายของบริษัทเอกอุทัย อยู่ในโกดังนั้นด้วย กรมโรงงานได้แจ้งความ กับตำรวจปทส.ในความผิดครอบครองวัตถุอันตราย โดยไม่ได้รับอนุญาต


ประเด็นที่ห้า กรมโรงงานอุตสาหกรรม จะใช้อำนาจตาม พรบ.วัตถุอันตราย และพรบ.โรงงาน ออกหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง 5 คน รวมถึงบริษัทซันเทค เคมีคอล แอนด์โลจิสติก อ.อุทัย มาให้ข้อเท็จจริง เพื่อประกอบสำนวนคดีให้ตำรวจ


ประเด็นที่หก กรมควบคุมมลพิษ ยื่นฟ้องเอาผิด ตามพรบ.ชลประทานแล้ว และตำรวจ ปทส.รวมถึงชุมชนกำลังพิจารณาเอาผิดตาม พรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ที่เกิดจากบริษัทผู้ก่อมลพิษ


กรณีที่เป็นคดีความอาญา แยกเป็น 2 ส่วน คือ คดีของสภ.แก่งคอย และ สภ.ภาชี จะนำส่งพนักงานอัยการในท้องที่ตามปกติก่อน ส่วนคดีที่ตำรวจปทส.รับแจ้งความไว้เองทั้งกรณีโกดังภาชี และกรณีโรงงานบริษัทซันเทค รอเพียงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงนามอนุมัติสอบสวน ก็จะสอบปากคำผู้ให้ถ้อยคำ ในฐานะพยานได้ จากนั้นก็จะรวมสำนวนคดี เป็นคดีเดียวกัน ภายใต้ความรับผิดชอบของตำรวจ ปทส.

คุณอาจสนใจ