ชาวบ้านร้อง เร่งเคลื่อนย้ายสารเคมีอันตรายออกจากโกดังที่ภาชี หลังส่งกลิ่นเหม็น น้ำเสียไหลลงคลองไม่หยุด

ชาวอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเรียกร้องให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม เคลื่อนย้ายสารเคมีออกจากโกดัง และเร่งกำจัดสารเคมีที่ถูกลักลอบทิ้งในบ่ออย่างเร่งด่วน เพราะ สารเคมีส่งกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรงขึ้น หลังจากทุบกำแพงเพื่อตรวจสอบเมื่อ 4 วันก่อน และน้ำเสียสารเคมีก็ยังไหลลงคลองชลประทานไม่หยุด ขณะข่าว 3 มิติ เข้าตรวจสอบอีกวันนี้ พบว่าถนนสายหลักในอำเภอภาชีที่เต็มไปด้วยคราบน้ำสารเคมี ก็ยังไม่ได้ถูกล้างออกไป นายกเทศมนตรีตำบลภาชี ขอให้อุตสาหกรรมจังหวัด ระบุวิธีกำจัดที่ถูกต้อง เพราะเกรงว่าหากชะล้างลงทางระบายน้ำ จะสร้างผลกระทบมากกว่าเดิม



ถนนทางหลวงหลายสาย ที่เชื่อมต่ออำเภออุทัย-ภาชี ไปถึงอำเภอหนองแค จ.สระบุรี เต็มไปด้วยคราบสีส้มบนช่องจราจรที่รถบรรทุกวิ่ง โดยเฉพาะช่วงทางโค้งที่รถชะลอตัวเลี้ยว มีน้ำหกเรี่ยราดมากกว่าเดิม บางจุดเป็นคราบและตะกอนสีสนิม ชาวบ้านในเขตนี้รู้ดีว่านี่คือน้ำจากสารเคมีที่รถบรรทุกทำหกเรี่ยราด จนถึงอาจจะจงใจปล่อยทิ้ง ในเวลา กลางคืน



นายกเทศมนตรีตำบลภาชี บอกว่านี่คือหนึ่งในปัญหาที่มาพร้อมกับการลักลอบขนย้ายสารเคมีเข้ามาเก็บในโกดัง ซึ่งท้องถิ่นทราบปัญหานี้มานาน แต่ต้องรอหน่วยงานรับผิดชอบ กำกับดูแลเรื่องสารเคมี กำหนดวิธีกำจัดสารเคมีเหล่านี้อย่างถูกต้อง เพราะเกรงว่าหากใช้น้ำฉีดชะล้างลงรางระบายน้ำ จะยิ่งสร้างผลกระทบต่อชุมชนหรือไม่ นอกจากนี้ ยังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขนย้ายสารเคมีกว่า 4 พันตัน ออกจากโกดังโดยด่วน ก่อนจะเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะเพลิงไหม้ ซึ่งท้องถิ่นไม่ได้มีรถดับเพลิงเพียงพอสำหรับโกดังสารเคมี



ขณะที่ตัวแทนชาวตำบลภาชี ยื่นหนังสือซึ่งมีรายชื่อชาวบ้านหลายร้อยคน เรียกร้องให้ย้ายสารเคมีออกจากโกดังโดยเร็ว เพราะหลังจากเจ้าหน้าที่ทุบกำแพง ที่กลุ่มคนดังกล่าว ลักลอบปิดไว้ เพื่อเข้าไปตรวสอบนั้น ยิ่งทำให้กลิ่นจากภายในอาคารฟุ้งกระจายออกข้างนอกมากขึ้น



ทีมข่าวยังไปสำรวจที่ปลายท่อระบายน้ำ เชื่อมต่อกับคลอง 3 ขวา ของกรมชลประทาน พบว่าแม้จะปิดปากท่อด้วยกระสอบทราย แต่ก็ยังไม่น้ำเสียไหลซึมลงคลองสามขวา ซึ่งมี กลิ่นหม็นฉุน ส่วนในลำรางที่เป็นเหมือนทางระบายน้ำหน้าโกดัง ยังมีน้ำเสียสารเคมี ตกค้างในท่อ สร้างความกังวลใจว่าถ้าฝนตกหนักจะกระทบชุมชนมากขึ้น จึงขอให้ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำกับควบคุมให้ขนย้ายสารเคมี ออกจากโกดังและจากบ่อที่ถูกลักลอบเทสารเคมีทิ้งไว้โดยเร็ว



ขณะที่นายอำเภอภาชี ได้นำข้อร้องเรียนของชาวภาชีไปหารือกับอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ย้ายสารเคมีออกจากโกดัง นำดินและน้ำปนเปื้อนสารเคมีรอบโรงงานไปกำจัด และสำรวจผลกระทบกับชาวนา ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดระบุว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม กำลังพิจารณาเร่งด่วน ซึ่งอธิบดีกรมโรงานอาจใช้อำนาจทางปกครองสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องแก้ไขเร่งด่วน



เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว บริษัทเอกอุทัย ตำบลสามบัณฑิต อ.อุทัย ถูกอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งปรับ ฐานปล่อยน้ำเสียสารเคมีที่ไม่ผ่านการบำบัดออกสู่พื้นที่สาธารณะ ซึ่งบริษัทไม่ยอมชำระค่าปรับ ทำให้ต้องแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนเคยออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่พบ จนตำรวจต้องออกหมายจับผู้บริหารบริษัทเอกอุทัย แต่ล่าสุดผู้ถูกฟ้อง ได้ไปสารภาพต่อศาล เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้บัญชีหมายจับถูกปลดออกแล้ว โดยศาลอยู่ระหว่างนัดพิจารณาค่าเสียหาย และจะพิพากษาในวันที่ 15 มีนาคมนี้