สังคม

'เม พรีมายา' มอบตัว หลังตร.บุกค้นคดีหลอกลงทุน เจ้าตัวยันไม่ได้ตุ๋น

โดย panwilai_c

19 ม.ค. 2566

64 views

นางสาวพิชญ์นรี ตันติวิทย์ หรือ เม พรีมายา เจ้าของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ PRIMAYA พร้อมทนายความ ได้เดินทางไปมอบตัวต่อตำรวจ สอท. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลังเจ้าหน้าที่นำกำลังบุกค้นบ้านและโรงงาน ภายใต้ ยุทธการ ผึ้งแตกรัง บุกค้นบ้านซีอีโอสาว เม พรีมายา ตามที่มีการชักชวนว่า ลงเงิน 6,000 บาท ในเวลา 3 เดือน จะได้กำไร 15 ล้านบาท แต่เบื้องต้น ก็ยังไม่อธิบายรายละเอียด วิธีการว่าทำได้จริงหรือไม่ บอกแต่เพียงไม่ได้หลอกใคร



ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านของเม พรีมายา ในหมู่บ้านย่านอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ในฐานความผิด นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่คอมพิวเตอร์ แต่ไม่พบ นางสาวพิชญ์นรี อยู่ในบ้าน ตำรวจจึงได้ตรวจค้นหาพยานหลักฐานในบ้าน พร้อมตรวจยึดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไปตรวจสอบรวมถึงรถหรูที่จอดอยู่ที่ลานจอดหน้าบ้าน เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นไปตรวจค้นที่ตั้งของบริษัทพรีม่า มายา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ที่อยู่ห่างออกไป 11 กิโลเมตร



โดยคดีนี้ ตำรวจได้ขอศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 11 หมาย จับได้แล้ว 4 คน 1 ในนั้นเป็นน้องสาวของผู้ต้องหา ขณะจะเดินทางไปเกาหลีใต้



จนเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมานางสาวพิชญ์นรี พร้อมทนายความจึงเดินทางไปมอบตัวกับพนักงานสอบสวน ส่วนประเด็นการโฆษณาชวนเชื่อลงทุน 6,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ได้เงิน 15 ล้านบาทนั้น ระบุว่า ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ ทุกอย่างได้ให้การกับทางตำรวจแล้ว เชื่อว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะปรากฏขึ้นเอง



ด้านพลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจ.สอท. เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากที่มีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ประกอบกับตำรวจไซเบอร์ได้รับนโนบายให้ดำเนินการตรวจสอบเพจที่มีการชักชวนลงทุนเกินความเป็นจริง จนได้ไปพบว่า "พรีมายา" เข้าข่ายกรณีดังกล่าว ตำรวจจึงได้ตรวจสอบและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถขอศาลอนุมัติออกหมายจับได้เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา



และต่อมาพบว่า หนึ่งในผู้ที่ถูกออกหมายจับ กำลังจะออกนอกประเทศ ทำให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. สกัดจับ และทางตำรวจไซเบอร์จึงต้องปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาที่เหลืออย่างเร่งด่วน แม้จะยังไม่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ แต่ก็เป็นการปฏิบัติการก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น ขณะที่รายงานการเสียภาษีเบื้องต้น ก็ไม่ได้สอดคล้องกับผลกำไรที่ได้โฆษณาไว้



นอกจากนี้ตำรวจ ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนแบ่งงานกระจายกำลังเพื่อปิดล้อมอีก 9 จุด ทั่วประเทศ เพื่อหาพยานหลักฐานและจับกุมผู้เกี่ยวข้อง ที่เหลือ ซึ่งไปตามยุทธการผึ้งแตกรัง

คุณอาจสนใจ

Related News