สังคม

มทภ.4 สั่งรื้อประวัติรถหายตั้งแต่ปี 60 ป้องกันเหตุคาร์บอมบ์ซ้ำรอย

โดย panisa_p

23 พ.ย. 2565

175 views

วันนี้ มีความคืบหน้าคดีคนร้ายวางระเบิดแบบคาร์บอมบ์ ที่แฟลตตำรวจ จังหวัดนราธิวาส จนมีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บ จำนวนมาก ล่าสุดตำรวจตรวจสอบเจ้าของรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ เป็นของผู้หญิงคนหนึ่ง ซื้อมาจากจังหวัดตรังได้ไม่นานก่อนถูกนำมาก่อเหตุ กำลังเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำขยายผล



มีรายงานเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบริเวณบ้านพักข้าราชการตำรวจ หน้าโรงเรียนนราสิกขาลัย ต.บางนาค เมือง จ.นราธิวาส จากการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพบว่า คนร้ายได้ใช้รถยนต์กระบะขับเข้ามาจอดบริเวณแฟลตตำรวจ เบื้องต้นเป็นระเบิดถังแก๊สแบบตั้งเวลา โดยใช้ถังแก๊สขนาด 15กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะ ส่วนถังแก๊สจะใช้กี่ลูกอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียด แต่คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 1 ลูกเพราะอานุภาพทำลายสูงมีความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และที่เกิดเหตุยังพบเศษเหล็กท่อนและโลหะอื่นๆตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุจำนวนมาก



ส่วนรถยนต์กระบะจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการเปลี่ยนมือซื้อขายหลายครั้ง โดยล่าสุดเป็นหญิงไทย ซื้อมาจากจังหวัดตรังได้ไม่นาน ก่อนจะถูกพบนำมาก่อเหตุคาร์บอมซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวหญิงคนดังกล่าวมาสอบปากคำ



ทั้งนี้ ในส่วนของคนร้ายมีพยานให้การตรงกันว่า เป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปี ไว้ผมยาวสวมเสื้อโปโลสีทึบเอาเสื้อเข้าในกางเกงลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่แต่งชุดครึ่งท่อน สวมหน้ากากอนามัยหลังขับรถกระบะมาจอดได้เดินออกจากไปอย่างใจเย็น ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป



นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนหน้านี้บริเวณแฟลตตำรวจดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำการตลอดเวลาเนื่องจากเป็นที่พักของ พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผู้บังคับการตำรวจนราธิวาส แต่หลังถูกคำสั่งย้ายออกจากพื้นที่หลังถูกตั้งกรรมการสอบเรื่องเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจึงไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำการคอยดูแลเหมือนเคย



ด้านพลโท ศานติ สกุลตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ได้รับรายงานสรุปเหตุการร์จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่า เจ้าหน้าที่ได้ไล่วงจรปิดจนทราบพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย โดยในเวลา 12 นาฬิกา 35 นาที คนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะที่ซุกระเบิดผ่านด่านจุดตรวจริมน้ำ โดยมุ่งหน้ามาจากพื้นที่บ้านค่าย อ.เมืองนราธิวาส โดยมีรถ จักรยานยนต์ 1 คัน ซึ่งผู้ขับขี่ใส่เสื้อลายสก๊อตตามหลังกันมา เมื่อถึงแยกโจโจ้ คนร้ายทั้ง 2 คัน ได้เลี้ยวซ้ายขับผ่าน 4 แยกไฟแดงตรงไปยังด้านหลังของเรือนจำเก่า



จากนั้นคนร้ายได้เลี้ยวขวาขับตรงมาแล้วเลี้ยวซ้ายตรงกำแพงของรั้วโรงเรียนนราสิกขาลัย แล้วมากลับรถที่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส โดยคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์ ติดเครื่องยนต์มาจอดที่บริเวณหน้าประตูแฟลต เวลา 12 นาฬิกา 38 นาที ซึ่ง 1 นาทีต่อมาคนร้ายที่ขับรถยนต์กระบะซุกระเบิดได้ขับเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดที่บริเวณแฟลตตำรวจ หลังจากนั้นเวลา 12 นาฬิกา 40 นาที เมื่อจอดรถยนต์ซุกระเบิดเป็นที่เรียบร้อยได้เดินออกจากแฟลต ไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของคนร้ายซึ่งใส่เสื้อลายสก๊อตหลบหนีไป ต่อมาเพียง 4 นาทีให้หลังได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น



แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำในเรื่องของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ที่สูญหายไป ตั้งแต่ปี 2560 ให้ทุกส่วนนำข้อมูลแจกจ่ายให้กับทุกด่านทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันสกัดกั้นที่จะนำรถมาประกอบระเบิดก่อเหตุในพื้นที่อื่น ๆ อีก

คุณอาจสนใจ

Related News