ป.ป.ส.ยึดทรัพย์เครือข่ายยานรก 'ทุน มิน หลัด' นักธุรกิจชาวเมียนมา รีสอร์ท โรงแรมหรูกว่า 1.8 พันล้าน

เดือนกันยายนที่ผ่านมา ตำรวจนครบาล จับนาย ทุน มิน หลัด นักธุรกิจใหญ่ชาวเมียนมา ที่เคยทำธุรกิจกับสมาชิกวุฒิสภาของไทยคนหนึ่ง โดยนายทุน มิน หลัด ถูกจับเพราะพบหลักฐานการค้ายาเสพติดข้ามชาติ และนำเงินที่ได้ไปตระเวนซื้อทรัพย์สินหลายแห่งในประเทศไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ขยายผลยึดทรัพย์ได้รวมกว่า 1,800 ล้านบาท และยังพบว่าเงินจากการค้ายาเสพติด นำไปซื้อไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทยส่งไปขายเมียนมา เพื่อฟอกเป็นเงินที่มีกำไรเพิ่มขึ้น


โฉนดที่ดินรวมทั้งหมด 71 แปลง รวมมูลค่ากว่า 1,050 ล้านบาท มีทั้งที่ดินเปล่ามูลค่าสูง /และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแบบห้องแถว ห้องชุด และกิจการรีสอร์ท เป็นทรัพย์สินที่ปปส.ยึดจากเครือข่ายยาเสพติดของนายทุน มิน หลัด นักธุรกิจรายใหญ่ของเมียนมา เมื่อวานนี้ และหากรวมกับทรัพย์สินอื่นๆที่ยึดไว้จะรวมมากกว่า 1,858 ล้านบาท


นายทุน มิน หลัด เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ใกล้ชิดนายทหารระดับสูงในรัฐบาลเมียนมา ทั้งเคยทำธุรกิจค้าอาวุธ และอสังหาริมทรัพย์ และเป็นผู้มีชื่อซื้อกิจการโรงแรม ที่จ.ท่าขี้เหล็ก ของเมียนมาร์ จากเจ้าของที่เป็นคนไทย และอดีตเจ้าของโรงแรมคนนั้น ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภาของไทย


ข้อมูลจาก ป.ป.ส. การขยาผลจากการจับเครือข่ายยาเสพติด ปี2562 และ 2564 พบเชื่อมโยงถึงนายทุน มิน หลัด และเครือข่าย จึงขอหมายจับ ฐานสมคบ ฟอกเงิน โดยมีอย่างน้อย 3 บริษัทในเครือ อัลลัวร์กรุ๊ป พีแอนด์อี ของกลุ่มนายทุน มินหลัด ซึ่งจดทะเบียนบริษัท ที่ตำบลเวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นเครื่องมืออำพรางฟอกเงิน จ.เชียงราย


ข้อมูลในทะเบียนของบริษัท อัลลัวร์กรุ๊ป พีแอนด์อี ระบุว่า ทำธุรกิจรับซื้อและจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ // ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนยันว่ากิจการน้ำมันเชื้องเพลิงและไฟฟ้าของคนกลุ่มนี้ อาจเป็นกิจการเพื่อการฟอกเงินยาเสพติด


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแล สำนักงานป.ป.ส. ระบุว่าทรัพย์สินที่ถูกฟอกไปสู่ธุรกิจอื่น ต้องตามยึดคืนให้ครบด้วยทรัพย์สินอื่นเพื่อทดแทน /หรือไม่ก็จะติดตามจากฐานการเสียภาษี


นอกจากฟอกเงินผ่านการซื้อน้ำมันและไฟฟ้าไปขายแล้ว เจ้าหน้าที่ระบุว่าการกระจายซื้ออสังหาริทรัพย์หลายแห่งในประเทศ ก็เป็นวิธีการของกลุ่มนี้ เพราะที่ยึดได้มีทั้งที่ดินเปล่า อพาร์ทเม้นท์ รีสอร์ท โรงแรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ กระจายทั้งในกรุงเทพฯ /หัวหิน/สงขลา /ภูเก็ตและ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน


ขณะเดียวกันเลขาธิการ ป.ป.ส.เปิดเผยความคืบหน้ากรณีไทยมีมติชะลอห้ามส่งออก สารเคมีที่จะนำไปผสมเป็นสารตั้งต้นผลิตยาบ้า ซึ่งเมียนมาและลาวเห็นด้วยและจะนัดหารือแนวปฎิบัติให้ชัดในกลางเดือนหน้า


ท่ามกลางการติดตามจับและยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด แต่สถิติอาจบ่งบอกถึงสถานการณ์ของยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้าซึ่งกลุ่มผู้เสพย์อยู่ในประเทศ เพราข้อมูลจาก 1 ตุลาคม ถึง 1 พย. หรือเพียง 1 เดือน เจ้าหน้าที่อายัดทรัพย์สิน 1,313 ล้านบาท / มีผู้ต้องหาคดียาเสพติดมากถึง 27,561 คน จากจำนวนคดี 2,699 คดี และเพียง 1 เดือนนี้ มีไอซ์ -เฮโรอีน ซึ่งมักถูกส่งผ่านจากไทยไปปลายทางอีกหลายร้อยกิโลกรัม โดยที่ยาบ้า มีกลุ่มเป้าหมายหลักคือคนไทย/ ยึดได้ถึง 44 ล้านเม็ด ภายในเดือนเดียว