กมธ.ป้องกันการอุ้มหาย ขอบคุณส.ส.-ส.ว. ผ่านร่างพ.ร.บ.อุ้มหายฯ เชื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชน

เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับให้สูญหายและการซ้อมทรมาน ขอบคุณสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ที่ผ่านกฎหมายป้องกันและปราบปรามการซ้อมทรมาน รอกฎหมายมีผลบังคับใช้เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ป้องกันเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ และคุ้มครองผู้เสียหายจากการอุ้มหาย

นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม พร้อมด้วย เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจาการถูกบังคับให้สูญหายและซ้อมทรมาน เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ และ ส.ส.เช่น แพทย์หญิง เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวขอบคุณ สภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา

ที่ผ่านร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญที่รอคอยมากว่า 15 ปี โดยเฉพาะครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากการอุ้มหาย เช่น แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา ครอบครัวของหะยีสุหลง โต๊ะมีนา ที่ถูกบังคับให้สูญหาย เมื่อ 68 ปีที่แล้ว เห็นว่า แม้กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่คัมภีร์วิเศษหยุดยั้งบุคคลผู้กระทำผิดได้ แต่เป็นความหวังในการคุ้มครองผู้เสียหาย และป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการใช้กฎหมายพิเศษ และมีปัญหาการซ้อมทรมานเกิดขึ้นในหลายกรณี

นายอาดิลัน เปิดเผยว่า กฎหมายฉบับนี้ เปลี่ยนแปลงกระบวนการสืบสวนสอบสวนจากที่มีในประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ฝ่ายปกครองและอัยการต่างช่วยกันถ่วงดุล สืบสวนสอบสวนทั้งการทรมาน กระทำย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งใหม่ให้การสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเป็นธรรมให้ประชาชนมากขึ้น

ขณะที่นางสาวพรเพ็ญ กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปคือการที่เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องทำความเข้าใจกฎหมาย เพื่อไม่ให้มีการกระทำที่เข้าข่ายความผิด ตลอดจนเข้าข่ายการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

นายสมศักดิ์ ชื่นจิตร ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของลูกชาย นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ที่ถูกตำรวจซ้อมทรมานที่จังหวัดปราจีนบุรี ขอบคุณสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านกฎหมายนี้ ซึ่งมีประโยชน์ให้ประชาชนมีหลักประกันว่าจะเท่าเทียม ปกป้องและป้องกันจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้อำนาจ คาดหวังว่าจะมีพัฒนาการต่อไปในวันข้างหน้า