เร่งสอบตร.คุมตัว 'ลุงเปี๊ยก' บีบสารภาพฆ่า 'ป้าบัวผัน' ผิดพ.ร.บ.อุ้มหายฯหรือไม่

การดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ทรมาน-อุ้มหายฯ วันนี้ "กัน จอมพลัง" พาพ่อของเหยื่อที่เคยถูกเเก๊งอันธพาลเด็กทำร้าย รวมถึงญาติของ "นายเปี๊ยก" ไปร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วยตรวจสอบเเละรับเป็นคดีพิเศษ



ส่วนความเคลื่อนไหวที่อรัญประเทศ บ่ายที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่สอบปากคำ "ดาบเศก" เเละชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ซึ่งถูกกล่าวหาใช้ถุงดำ ข่มขู่-บังคับ จน"นายเปี๊ยก"รับสารภาพ โดยจะไล่สอบกระบวนการสืบสวนตั้งเเต่เริ่มต้น เบื้องต้นอ้างว่า "เหตุที่ไม่บันทึกคลิปเเละไม่ได้เเจ้งการควบคุมตัวตามพ.ร.บ.อุ้มหายฯ เพราะเป็นการเชิญ"นายเปี๊ยก"มาให้ปากคำ ไม่ใช่การจับกุมหรือควบคุมตัว



คลิปเสียงทั้ง 2 คลิปที่ปรากฏออกมาก่อนหน้านี้ เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญ เป็นเหมือนสารตั้งต้น ที่นำมาสู่การตรวจสอบข้อสงสัยของสื่อมวลชน ซึ่งทุกสำนักเเละทุกเเพลตฟอร์ม ต่างก็ตั้งคำถาม อะไรคือเหตุผลลึก ๆ ที่"นายปัญญา หรือเปี๊ยก" สามีคนของ"น.ส.บัวผัน" รับว่าเป็นคนฆ่า ทั้งที่คนร้ายตัวจริงคือเเก๊งอันธพาลเด็ก ที่น่าสนใจก็คือ ในจำนวน 5 คน มี 2 คนเป็นลูกตำรวจ



เจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิเเละเสรีภาพ อัยการ ดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่ส่วนการสอบคดีอาญากรมการการปกครอง เเละนายอำเภออรัญประเทศ นำคณะพนักงานสอบสวนจากส่วนกลาง เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีญาติเเละผู้เสียหาย ร้องเรียนถูกเจ้าหน้าที่รัฐบางนาย ใช้ถุงดำ-กระทำการเข้าข่ายการทรมาน ขณะควบคุมตัวในห้องสืบสวน สภ.อรัญประเทศ โดยประสานกับรักษาการผู้กำกับฯ สอบปากคำตำรวจที่เกี่ยวข้อง



ซึ่งมาตรา 31 ตาม พ.ร.บ.ป้องกันปราบปรามการทรมานเเละการกระทำให้บุคคลสูญหาย 2565 ให้อำนาจสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ 4 ฝ่าย นอกจากตำรวจ พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง ดีเอสไอ ก็มีอำนาจสอบสวนความผิดส่วนนี้ได้



ก่อนหน้านี้ ชุดสืบสวนสภ.อรัญฯ อธิบายเหตุผลที่ไม่บันทึกภาพเสียงตามมาตรา 22 เเละขณะควบคุมตัวก็ไม่ได้เเจ้งให้อัยการเเละนายอำเภอทราบ ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะไปเจอนายเปี๊ยกในจุดที่พบศพ ยืนยันว่านี่ไม่ใช่การจับกุม เเต่เป็นการเชิญมาให้ข้อมูล ซึ่งประเด็นนี้ คณะตรวจสอบจะไล่สอบกระบวนการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด โดยเฉพาะช่วงไทม์ไลน์ที่หายไป



ส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ วันนี้ "กัน จอมพลัง" พาพ่อเหยื่อคดีก่อนหน้านี้รวมถึงญาติของนายเปี๊ยก ร้องขอความเป็นธรรม ช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงหลักฐานคลิปเสียงและกรณีคลุมถุงดำ ที่กระทำต่อนายเปี๊ยก ว่าเข้าข่ายพ.ร.บ.การอุ้มหายหรือไม่ เพราะมีผู้ใหญ่หลายคนโทรมาหาตน และตั้งคำถามว่าเป็นการช่วยกันในกลุ่มตำรวจหรือไม่ จึงอยากให้ดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ



พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ บอกว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งทางอธิบดีได้มอบหมายให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการสืบสวนแล้ว จะเข้าข่ายของพ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่ ต้องไปดูข้อกฎหมาย และรับฟังข้อเท็จจริงทั้งหมดของพยานบุคคล



ส่วนความเคลื่อนไหวจากตำรวจ ทราบว่าวันนี้ ผบ.ตร. มอบหมายเจรตำรวจเเห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีนี้ หากได้หลักฐานเพิ่ม จะพิจารณาเเจ้งข้อหาความผิดในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน