อาชญากรรม

'ดีเอสไอ' รับทำคดี 'ลุงเปี๊ยก' ถูกจับแพะเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย นักวิชาการชี้เป็นจุดเปลี่ยน สตช.

โดย paweena_c

26 ม.ค. 2567

67 views

ดีเอสไอเตรียมเข้าสอบปากคำ 'ลุงเปี๊ยก' ที่โรงพยาบาลหลังพิจารณาแล้วพบว่า คดีของลุงเปี๊ยก เข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย และเตรียมประสานตำรวจ อัยการ กรมการปกครองเข้าร่วมพิจารณา

จากคดีฆาตกรรม น.ส.บัวผัน หรือป้ากบ ตันสุ อายุ 47 ปี พบศพในบ่อน้ำ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วนายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก คงแสนคำ อายุ 56 ปี สามีผู้ตายตกเป็นแพะรับบาป ถูกตำรวจสายสืบใช้ถุงดำคลุมหัวให้ถอดเสื้อตากแอร์ขู่บังคับให้รับสารภาพว่าเป็นคนร้าย ตำรวจตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงพบว่าตำรวจ สภ.อรัญประเทศ 2 นายคือ

พันตำรวจโท พิชิต วัฒโน รอง ผู้กำกับการสืบสวน และ ดาบตำรวจ ภิเศก พวงมาลีประดับ หรือดาบเศก ทำผิดวินัยตำรวจ และ ดาบเศก ยังทำผิดกฎหมายอาญา ม.157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อมาญาติลุงเปี๊ยกเข้ายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้รับคดีจับแพะลุงเปี๊ยกเป็นคดีพิเศษ ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยกับทีมข่าวอาชญากรรมทางโทรศัพท์ว่า คดีของลุงเปี๊ยก ตำรวจเข้าข่ายกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ประกอบกับเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ และเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายครั้งแรก จึงมีความเห็นว่าควรเชิญหน่วยงานทั้ง 3 หน่วยงาน คือ ตำรวจ อัยการ และกรมการปกครอง เข้ามาร่วมประชุมและเป็นพนักงานสอบสวนร่วมกัน โดยดีเอสไอจะเสนอเรื่องผ่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากนั้นจะสอบสวนร่วมกันทั้ง 4 หน่วยงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส

สำหรับโทษทางปกครองและอาญา ขึ้นอยู่กับว่าประพฤติผิดในรายมาตราใดของกฎหมายดังกล่าว เบื้องต้นมีโทษจำคุกที่ 5-15 ปี และต้องรอดูการรวบรวมข้อมูลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจด้วย

ขณะที่คุณวิ หลานสาวของลุงเปี๊ยก บอกว่าในช่วงบ่ายวันนี้ ตัวเธอเอง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และมูลนิธิวินวิน จะเข้าไปเยี่ยมลุงเปี๊ยก ที่โรงพยาบาล ซึ่งวันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่จะได้เจอกับลุงเปี๊ยก

ส่วนประเด็นที่ดีเอสไอ รับเรื่องของลุงเปี๊ยกไปตรวจสอบเพื่อรับเป็นคดีพิเศษ เธอดีใจมากและเชื่อมั่นในการทำงานของดีเอสไอ

ส่วนที่ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้แถลงข่าวว่ายังไม่พบหลักฐาน ว่าตำรวจชุดจับกุมลุงเปี๊ยก กระทำผิดตาม พรบ.อุ้มหาย โดยเฉพาะดาบเศก ที่ลุงเปี๊ยกบอกว่าเป็นการสอบสวนให้รับสารภาพ เอาถุงดำคลุมหัว และบังคับให้ถอดเสื้ออยู่ในห้องแอร์ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีหลักฐาน เพราะเธอมั่นใจว่าลุงเปี๊ยกไม่ได้โกหก และไม่กล้าโกหกเพื่อจะพูดให้ร้ายตำรวจอย่างแน่นอน

จึงขอฝากถึงตำรวจชุดจับกุมว่า ขอความเมตตาให้พูดความจริง อยากให้มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ทำตัวให้สมศักดิ์ศรีกับความเป็นตำรวจ แต่กลับทำคนที่ไม่มีทางสู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอาย

ที่สำคัญจนถึงวันนี้ตนยังไม่เคยได้รับการติดต่อ หรือได้ยินคำขอโทษจากตำรวจที่ทำกับลุงเปี๊ยกเลยแม้แต่คำเดียว

ในเรื่องนี้ รศ.พันตำรวจโท ดร. กฤษณพงษ์ พูตระกูล คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุถึงกรณีคดีลุงเปี๊ยกที่กำลังจะเป็นคดีพิเศษว่า การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ จะส่งผลให้มีตำรวจที่ถูกดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชา เพราะกฎหมายระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หากมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง และไม่ได้มีการดำเนินการห้ามปรามหรือ เอาผิดกับผู้ที่กระทำความผิด ละเว้นก็ต้องถูกดำเนินการทางคดีด้วยเช่นกัน

ส่วนตัวเชื่อว่า หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว จะมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องถูกดำเนินการทางคดีเช่นนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคดีของลุงเปี๊ยกถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องหันมาให้ความสนใจในการทำงานแบบมืออาชีพมากขึ้น

ทีมข่าวได้สอบถามไปยัง นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดบอกว่ายังไม่ได้รับการประสานงานมาจากดีเอสไอ แต่ทันทีที่ประสานมาก็พร้อมจะให้ความร่วมมือทันที

https://youtu.be/2xnKo8WzJJ8

คุณอาจสนใจ