เร่งสอบพ่อลูก 'วิลาวัลย์' รุกป่า-ออกโฉนดมิชอบ พบหลักฐาน คาดพยายามออกโฉนดเพิ่ม

นอกจากคดีออกโฉนดโดยมิชอบ ที่ป.ป.ช.ชี้มูลเเละอยู่ระหว่างส่งฟ้องศาล นักการเมือง 2 พ่อ-ลูก ตระกูลวิลาวัลย์ ยังมีคดีบุกรุกป่าทั้งในปี 2560 เเละปี 2563 ขณะนั้นถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า นำกำลังเข้าตรวจยึด กล่าวหาบุกรุกเเผ้วถาง ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตอุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่ หลังได้พยานหลักฐาน พบการทำประโยชน์ในพื้นที่นอกโฉนด ซึ่งหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมดังกล่าว อาจกำลังพยายามขอออกโฉนดเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียงกันอีกหรือไม่



โฉนดเลขที่ 41158 ระบุชื่อ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ 30 ไร่ 2 งาน 80 ตารางวา จากการตรวจสอบ พบว่า เจ้าพนักงานที่ดินออกให้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2545 อีกเเปลงเลขที่ 41159 ระบุชื่อ นายสุนทร วิลาวัลย์ 20 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวา ออกให้วันที่ 13 มิถุนายน ปีเดียวกัน เเต่ผ่านไป 10 กว่าปี ทั้ง 2 เเปลงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากด่านเนินหอมกับทางเข้าอุทยานฯ กลับไม่เคยถูกร้องเรียนหรือตั้งข้อสงสัย



จนกระทั่งปี 2560 ศปป.4 กอ.รมน. ร่วมกับชุดเฉพาะกิจพญาเสือ นำกำลังเข้าไปตรวจสอบ หลังพบว่า นายสุนทร ทำหนังสือถึงสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 ปราจีนบุรี เเจ้งว่าจะเข้าไปปรับปรุงเเละพัฒนาพื้นที่โฉนดทั้ง 2 เเปลง



การตรวจสอบขณะนั้น พบจุดที่อ้างโฉนด ยังมีสภาพป่าสมบูรณ์ เมื่อตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังกลับไปในปี 2545 ซึ่งเป็นปีที่เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดให้ ก็พบว่า ที่ดินทั้ง 2 เเปลง เป็นป่ารกทึบ ไม่ปรากฏร่องรอยการทำประโยชน์



เวลานั้นจึงสงสัยว่า โฉนดบริเวณเเนวป่าใกล้ด่านเนินหอม ฝั่งปราจีนบุรี อาจได้มาโดยมิชอบด้วยกฏหมาย จึงทำบันทึกตรวจยึดพื้นที่ส่วนที่พบร่องรอยทำประโยชน์เกินกว่าที่ระบุในเอกสารสิทธิ์พร้อมเเจ้ง 7 ข้อหา กับผู้ครอบครอง ส่วนประเด็นการออกโฉนด ต่อมามีการส่งเอกสารหลักฐานไปที่ป.ป.ช.



จนกระทั่งมิถุนายน ปี 2565 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐ 10 คน ในคดีร่วมกันทุจริตออกโฉนดโดยมิชอบ 2 คนในจำนวนนี้ ก็คือนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยฯศึกษาธิการ กับนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกอบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีชื่อระบุเป็นผู้ครองครองโฉนด



เเต่นายสุนทร ถูกออกหมายจับเเละมีพฤติกรรมหลบหนี จึงทำให้คดีซึ่งเริ่มนับถอยหลัง20 ปี ตั้งเเต่วันที่ออกโฉนดคือ 13 มิถุนายน 2545 จะหมดอายุความในวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา



จึงเหลือเฉพาะลูกสาวคือนางกนกวรรณ ซึ่งออกโฉนดให้ในเดือนกรกฎาคมปี 45 ถูกป.ป.ช.ส่งฟ้องศาล ส่วนนายสุนทร เเม้จะหมดอายุความเเต่ก็ยังมีคดีบุกรุกป่าเเละมีโฉนดอีก 5 เเปลง ซึ่งถูกตรวจสอบในปี 63 ที่ยังค้างอยู่ในชั้นอัยการ เเละยังรอให้กรมอุทยานฯโต้เเย้งเเละส่งหลักฐานให้กรมที่ดินพิจารณาเพิกถอน



จนถึงขณะนี้ โฉนดทั้ง 7 เเปลง ในเขตอุทยานฯ ยังไม่ถูกเพิกถอน เช่นเดียวกับคดีรุกป่าก็ยังค้างอยู่ในชั้นอัยการ ซึ่งทั้งภาคประชาชนเเละฝ่ายตรวจสอบ บอกว่า จะเฝ้าจับตาคดีนี้ต่อเนื่องเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน ของเจ้าหน้าที่ที่รับผลประโยชน์ เเละผู้ที่คิดจะครอบครองเอาทรัพยากรในผืนป่ามรกดกโลก ซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งชาติ ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว



โดยเห็นว่า หากรัฐบาลเเละภาครัฐไม่เร่งดำเนินการ อาจมีขบวนการที่เรียกพฤติกรรมนี้ว่า การลักหลับ เเอบซื้อ-ขาย ออกโฉนดในที่ป่าทั่วประเทศกันอย่างเสรี โดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย รวมทั้งเสนอให้ตรวจสอบโฉนดทุกเเปลงรอบเขาใหญ่ ได้มาโดยสุจริตหรือเป็นการทุจริตโดยเจ้าพนักงานที่ดิน เอื้อประโยชน์ให้นายทุน เอาที่ป่า ยกมาเป็นสมบัติส่วนตัว