กรมวิทย์ฯ เตรียมพร้อมรับรองวัคซีน "ฝีดาษลิง" ยันยังไม่พบการแพร่ระบาดในไทย

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง ที่ปัจจุบันพบผู้ป่วยแล้วอย่างน้อย 130 คน กระจายไปในหลายประเทศในยุโรปและอเมริกา ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะทำงานเฝ้าติดตามสถานการณ์แล้ว พร้อมเพิ่มความเข้มงวดด่านตรวจคัดกรองโรคที่สนามบิน โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตรียมพร้อมวินิจฉัยโรคฝีดาษลิงและให้การรับรองคุณภาพวัคซีนฝีดาษ เพื่อใช้ป้องกันการระบาด ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดในไทย

สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ รายงานพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงเพิ่มอีก 36 คน รวมสะสม 57 คน โดยทางสำนักได้ออกข้อแนะนำ ให้บุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ใกล้ชิดกับผู้ป่วย แยกกักตัวเป็นระยะเวลา 21 วัน และหลีกเลี่ยงการติดต่อพบปะกลุ่มเปราะบาง เช่น หญิงตั้งครรภ์ และเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี

องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วอย่างน้อย 131 คน และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีก 106 คน ใน 17 ประเทศทั่วโลก

แม้ว่าการแพร่ระบาดของฝีดาษลิงจะเกิดขึ้นอย่างผิดปกติ แต่ทาง WHO เชื่อมั่นว่า จะสามารถควบคุมเชื้อที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศนอกทวีปแอฟริกาได้ และกำลังจะมีการจัดการประชุมเพิ่มเติมเพื่อหาแนวทางสนับสนุนประเทศสมาชิก

ขณะที่ประเทศไทย แม้ขณะนี้จะยังไม่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิง แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้ง คณะกรรมการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน เกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง เพื่อทำหน้าที่หน่วยคัดกรอง กำหนดแผน และติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการเดินทางเข้ามาจากประเทศเสี่ยง 17 ประเทศ

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เตรียมความพร้อม ทั้งการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อเฝ้าระวังโรคติดต่อในคน และการตรวจวิเคราะห์คุณภาพวัคซีนฝีดาษหรือไข้ทรพิษ เพื่อรับรองคุณภาพวัคซีนที่จะนำมาใช้ป้องกันโรค โดยเตรียมการตรวจหาสารพันธุกรรมแบบ RT-PCR และการตรวจลำดับนิวคลิโอไทด์ DNA sequencing ในกลุ่มเสี่ยง

ขณะที่วัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ หรือ ที่เรียกกันว่าการปลูกฝี สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิง ได้ 85% แต่เนื่องจากโรคฝีดาษคน ถูกกำจัดไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จึงเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่ไม่มีการฉีดวัคซีนชนิดนี้ ซึ่งปัจจุบันยังมีวัคซีนชนิดนี้ผลิตอยู่ 2 ผลิตภัณฑ์ เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ของสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA แล้ว

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ระบุจากการศึกษาความใกล้เคียงทางพันธุกรรม วัคซีนโรคฝีดาษในปัจจุบันแม้จะเป็นเทคโนโลยีเดิม แต่ก็มีประสิทธิภาพยับยั้งโรคฝีดาษคนจนหมดไปได้ ซึ่งวัคซีนชนิดนี้มีความใกล้เคียงกับพันธุกรรมโรคฝีดาษลิงมากกว่าคน จึงมองว่าวัคซีนเดิมที่มีอยู่ก็สามารถนำมาใช้ควบคุมโรคจากฝีดาษลิงได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม

โรคฝีดาษลิง เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกันกับเชื้อโรคไข้ทรพิษ กลุ่ม orthopoxvirus ติดต่อได้จากทั้งสัตว์ไปสู่คน และ จากคนสู่คน ผ่านการสัมผัสทางเลือด น้ำเหลือง สารคัดหลั่งจากการไอจาม ผื่น หรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ อาการโดยทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง คล้ายโรคสุกใสและหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาเฉพาะทางเกิดขึ้น