เปิดหลักฐาน 11 ปี คดีฆาตกรรมอำพราง 'นพ.ศรุต'

การเสียชีวิตของ นพ.ศรุต ทวีรุจจนะ คดีที่ใช้เวลาหาพยานหลักฐานอย่างยาวนานอีกคดีหนึ่ง โดยเหตุเกิดเมื่อปี 2553 และมารดาของผู้เสียชีวิตได้เรียกร้องขอความยุติธรรมนานถึง 11 ปี หลังจากเชื่อว่าบุตรชายไม่ได้ฆ่าตัวตาย โดยศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา

โดยมารดาได้ร้องเรียนกับหน่วยพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งมี พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วย ได้ย้อนอดีตให้ฟังว่าเมื่อปี 2557 และได้นำทีมลงไปตรวจพิสูจน์พาพยานหลักฐาน จนพบว่า ศพที่พบลักษณะนอนหงาย และองศาการตกลงมาเฉียงจากห้องพัก ห่างจากตัวอาคาร 3 เมตร เมื่อประเมินจุดตกเชื่อว่าต้องมีแรงผลัก เพราะหากตกตึกสูง 9.7 เมตร ในเวลา 1.40 นาที ซึ่งคำให้การของพยานที่บอกว่าผู้ตายวิ่งกระโดดลงไปเอง และมีแอลกออล์ในเลือด 270 มิลลิกรัม จะไม่สามารถพลิกตัวให้นอนหงายได้

พล.ต.อ.จรัมพร อธิบายถึงการทดสอบท่าทางผู้ตายก่อนตก ว่าต้องอยู่ในสภาพยืนรั้งตัวเองไว้กับระเบียงคอนกรีต ในลักษณะฝีนตัว รั้งตัวเองไว้ จึงทำให้เกิดสภาพบาดแผลด้านหลังมีรอยคลูด และฝุ่นสีขาว ที่มือผู้ตาย ซึ่งยังมีการคำนวนทางฟิสิกส์ จากผู้เชี่ยวชาญสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ใช้ทั้งคนและหุ่นทดสอบการโยนลงมา จะอยู่ในสภาพนอนหงายเช่นเดียวกับผู้ตาย

มารดาของ นพ.ศรุต ซึ่งเช่าห้องพักไว้ตั้งแต่ปี 2553 ช่วงเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน โดยผู้พิพากษายังได้เดินเผชิญสืบในพื้นที่เกิดเหตุด้วย แต่หลังจากมีคำตัดสิน นพ.ปราโมทย์ และ นส.จิตวิมล ให้จำคุก 15 ปี ลดโทษเหลือ 10 ปี ได้มีการโพสต์ข้อความของภรรยาของ นพ.ศรุต ว่าอาจเป็นไปได้ที่ผู้ตายอาจเดินไปเข้าห้องน้ำ โดยเข้าใจว่าประตูตรงระเบียงเป็นห้องน้ำและพลัดตกลงไป

ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังมารดาและน้องชายของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า จำเลยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนพ.ศรุต ปฏิเสธและคงต่อสู้ถึง 3 ศาล หากคดีสิ้นสุดแล้วจึงจะตอบคำถามสื่อได้ทุกคำถาม และจากพยานในชั้นศาลได้ระบุถึงมูลเหตุว่า ผู้ตายกับ นส.จิตวิมล จำเลยที่2 เคยคบหาเป็นคนรักกัน แต่ขณะเกิดเหตุจำเลย 1-2 กำลังคบหาเป็นคนรักกันแล้ว อาจจะเกิดความหึงหวง