สังคม

จนท.เร่งแปลงสภาพสารตกค้าง รง.หมิงตี้ เพื่อหยุดไฟปะทุ ตั้งเป้าเสร็จในคืนนี้

โดย pattraporn_a

7 ก.ค. 2564

83 views

ความพยายามที่จะแก้ปัญหาสารเคมีตกค้าง หลังเหตุเพลิงไหม้โรงงาน บริษัทหมิงตี้เคมิคอล จำกัด ย่านถนนกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ได้ใช้สารเคมี เปลี่ยนสภาพสารเคมีตกค้าง เพื่อลดการติดไฟ โดยจะทำให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ (7 ก.ค.)


ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ประชาชนในรัศมี 1 กิโลเมตรอพยพอยู่ภายนอกจนกว่าจะมีประกาศ ซึ่งวันนี้ตั้งแต่ 17.00 น.ได้เปิดให้ประชาชนกลับบ้านได้ ยกเว้นซอยกิ่งแก้ว 19-25 แต่พบว่าหลายคนยังไม่กล้านอนในบ้าน เพราะยังได้รับความเสียหาย


โดยปฏิบัติการในการแปลงสภาพสารสไตรีน โมโนเมอร์ ที่ตกค้างภายในบริษัทหมิงตี้เคมิคอล ดำเนินการในสองขั้นตอน ล่าสุดขณะนี้คือการนำสาร DEHA จำนวน 600 ลิตร นำไปเทในบ่อสารเคมี โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมชุดป้องกันสารเคมี ลำเลียงสาร DEHA ไปเทลงบ่อทีละแกลอน ซึ่งก่อนจะเทจะต้องตรวจวัดค่าความร้อนที่เหมาะสม เมื่อเทสารลงไปได้ครบทำหมด ก็จะหยุดการทำปฏิกิริยาทางเคมีของสารสไตรลีน ไม่ให้ไฟปะทุขึ้นได้อีก ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เพราะใช้แรงงานคน


ส่วนขั้นตอนแรกคือการฉีดสารเอฟ 500 ในพื้นที่โดยรอบบ่อ โดยใช้กำลังเจ้าหน้าพร้อมถังดับเพลิง ฉีดไปทั่วพื้นที่ ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ 14.00 น. สามารถฉีดสารเอฟ 500 จำนวน 1 หมื่นลิตร แล้วเสร็จในเวลาเกือบ 22.00 น. ถือเป็นการทำงานที่ต่อเนื่องกว่า 8 ชั่วโมง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดในตอนกลางวัน และมีฝนตกในช่วงหัวค่ำ แต่ตลอดทั้งวันนี้ไม่มีไฟปะทุเกิดขึ้นแล้ว


นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน จะทำการแปลงสภาพสารเคมีตกค้างไม่ให้เกิดไฟปะทุได้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ ก่อนจะตรวจสอบให้แน่ชัดว่าได้ผลจริง ถึงจะประกาศให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร จากโรงงานหมิงตี้ ได้กลับเข้าบ้าน หลังจากนั้นจึงจะมีการนำสารเคมีไปกำจัดตามขั้นตอน


สำหรับสารเคมีที่นำมาใช้ปิดภารกิจในครั้งนี้ ในส่วนสารเอฟ 500 จำนวน 1 หมื่นลิตร ได้รับการสนับสนุนมาจากกลุ่มบริษัท ปตท. NPC-SE Ptt Gc group ส่วนสาร DEHA ได้รับการสนับสนุนจากกกลุ่มดาวเคมิคอล โดยผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่า เมื่อสารทั้งสองชนิดไปทำปฏิกิริยากับสไตรีน จะไม่เกิดไฟได้อีก จึงถือว่าปลอดภัย


แม้ว่าหลังการเปลี่ยนสภาพสารเคมีจะสำเร็จ และค่ามลพิษในอากาศจะปลอดภัย แต่กรมควบคุมมลพิษจะตรวจวัดอย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่มีความเป็นห่วงคือ น้ำเสียที่เกิดจากการชำระล้างสารเคมีอันตราย จะต้องป้องกันไม่ให้ไหลไปตามท่อระบายน้ำและแหล่งน้ำ ซึ่งพบว่าพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุมีน้ำเสียที่ตกค้างจำนวนมาก อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ขอให้ทางโรงงานเร่งดำเนินการนำออกจากพื้นที่โดยเร็วด้วย เพราะจะเป็นอันตราย


จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศ ที่พบว่าพื้นที่นอกรัศมี 1 กิโลเมตรปลอดภัย ทำให้เมื่อเวลา 17.00 น.จังหวัดสมุทรปราการ เปิดให้ประชาชนได้กลับเข้าบ้าน โดยขณะเปิดถนนกิ่งแก้ว มีรถยนต์จำนวนมากขับเข้าพื้นที่ เพราะต่างเป็นห่วงบ้านเรือน ที่มีทั้งเสียหายจากเหตุไฟไหม้ และเป็นห่วงข้าวของ ที่บางหลังพบว่ามีโจรโขมยด้วย


แต่ยังมีบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากที่พังเสียหาย แม้จะกลับมาเก็บข้าวของ แต่ยังไม่กล้านอนในบ้าน และยังเป็นห่วงเรื่องการซ่อมแซม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ยืนยันว่าทางจังหวัดจะเยียวยาให้ตามงบที่ได้รับ 20 ล้านบาท ขอให้ถ่ายภาพและบันทึกค่าใช้จ่ายไว้ สร้างความหวังให้กับประชาน


ขณะที่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต ที่อพยพผู้ป่วยไปตั้งแต่วันเกิดเหตุ ได้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เพื่อเตรียมลำเลียงผู้ป่วยในทั้งหมด กลับมาในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ซึ่งมี 80 คน และผู้ป่วยไอซียู 16 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยโควิด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะในระหว่าง 3 วันนี้ มีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 5 ราย ซึ่งไม่เกี่ยวกับกับอพยพโดยตรง เพราะผู้ป่วยมีอาการปอดติดเชื้อทรุดลงตามลำดับ ทางโรงพยาบาลต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ในขณะที่ผู้ป่วยนอกยังไม่เปิดให้บริการ


ทั้งนี้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามลำเลียงสาร DEHA ไปเทลงในบ่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ภารกิจจะแล้วเสร็จในคืนนี้ สถานการณ์ที่ยืดเยื้อยาวนานถึง 3 วัน อยู่ในเกณท์ที่ปลอดภัยแล้ว

คุณอาจสนใจ

Related News