กระทรวงสาธารณะสุข ออกแถลงการณ์ไม่อนุญาตให้ผู้เดินทางจาก 8 ประเทศแอฟริกาใต้ ลงทะเบียนเข้าประเทศไทยเริ่มตั้งแต่วันนี้ เพื่อการเฝ้าระวัง โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จากการเฝ้าระวังยังไม่พบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย

หลังจากองค์การอนามัยโลกหรือ WHO มีมติประกาศให้ โควิด-19 สายพันธุ์B.1.1.529 หรือ Omicron (โอไมครอน)เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง น่ากังวลเมื่อ 26 พฤศจิกายน ซึ่งพบมีการกลายพันธุ์กว่า 32 ตำแหน่ง

นายแพนายแพทย์ ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึง สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือมีชื่อว่า โอไมครอนซึ่งพบที่ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อ11 เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตรวจพบ 74 รายในประเทศแอฟริกาใต้ตรวจพบ 2 รายเป็นผู้เดินทางเข้าประเทศฮ่องกง ซึ่งมีข้อมูลว่าผู้ที่ตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวได้รับวัคซีนครบแล้ว แต่ จากการเฝ้าระวังและตรวจสอบสายพันธุ์ โควิด-19 ของไทยยังไม่พบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย ถึงอย่างไรก็ตามยังคงไม่ประมาทโดยยังคงต้องเฝ้าระวังติดตาม

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อธิบายว่า เหตุที่ทำให้สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ Omicron (โอไมครอน)เป็นสายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวัง น่ากังวลเพราะเป็นการกลายพันธุ์กวา 32 ตำแหน่งที่กลายพันธุ์บนสไปร์ทโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ ที่เป็นโปรตีนหนามที่จะจับกับเซลล์มนุษย์และเข้าไปทำอันตราย ต่อร่างกาย

จากข้อสันนิฐานและการเก็บรวบรวมข้อมูล จากใน ห้องปฏิบัติการพบว่า สายพันธุ์ใหม่นี้ มีอำนาจการแพร่เชื้อได้มากขึ้น บางส่วนสามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ รวมถึงข้อมูลเบื้องต้นในพื้นที่ที่พบการตรวจเจอเชื้อปริมาณมากในร่างกาย ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจพบได้ง่าย ทั้งนี้วิธีการตรวจยังสามารถใช้วิธีพื้นฐาน คือ RT-PCR ได้

ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยมีการสุ่มตรวจตัวอย่างเชื้อทุกสัปดาห์ประเทศไทยยังคงเป็นสายพันธุ์เดลต้า ร้อยละ 99.64 ส่วนอัลฟ่า เบต้า พบ เล็กน้อย

แม้สาย สายพันธุ์ B.1.1.529 เป็นการกลายพันธุ์ตัวใหม่ น่าห่วง แต่ข้อมูลยังมีไม่มากพอซึ่งยังคงต้องร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกที่จะติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตเพื่อเตรียมรองรับมาตรการอาจจะเพิ่มขึ้น

ด้านนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุกระทรวงสาธารณสุข มีการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์ตลอดเวลา รวมทั้งล่าสุดที่พบส่ยพันธุ์โอไมครอน โดยจากการร่วมประชุม ศบค.เมื่อวานนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอข้อมูลของสายพันธุ์โอไมครอน ทางพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตราการเฝ้าระวัง ร่วมถึงการวางมาตรการต่าง เพื่อการเฝ้าระวัง โควิด-19 สายพันธุ์ จึงได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติดังนี้

ประการแรกในการเดินทางเข้าราชอาณาจักรสำหรับประเทศในทวีปแอฟริกาโดยในกลุ่มประเทศที่พบมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งมี 8 ประเทศ ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ซิมบับเว เซาท์แอฟริกา กำหนดเงื่อนไขการเข้าสู่ประเทศคือผู้ที่เดินทางจากแปดประเทศซึ่งมีความเสี่ยงสูงและได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยแล้วก่อนหน้านี้จะมีการสั่งกักตัวเป็นเวลา 14 วันตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน

มาตรการที่สองไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจากแปดประเทศเข้าสู่ราชอาณาจักรไทยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไปรวมถึงไม่อนุญาตให้มีการลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ประเทศไทยในระบบต่างๆแล้วตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

ส่วนกลุ่มผู้ที่เดินทางจากทวีปแอฟริกานอกเหนือจากแปดประเทศจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในรูปโครงการ Test and go โครงการ Sandbox ส่วนคนที่เดินทางเข้ามาราชอาณาจักรไทยแล้วต้องให้มีการกักตัวในสถานที่ที่กำหนดเป็นเวลา 14 วัน ต้องผ่านการตรวจคัดกรองสามครั้งในช่วงวันที่หนึ่ง วันที่ห้า และวันที่ 13 ที่เดินทางมาถึงประเทศไทย โดย มาตรการทั้งหมดนี้ได้แจ้งประสานกระทรวงการต่างประเทศและสายการบินต่างๆแล้วเพื่อการปฎิบัติ

ขณะนี้ข้อมูลผู้เดินทางจากประเทศแอฟริกาตอนใต้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีการเดินทางจาก 12 ประเทศรวม 1,007 คนเบื้องต้นผลตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมตามข้อมูลทวีปแอฟฟิกาฉีดวัคซีนน้อยสุด ย้ำว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้วสองเข็มเป็นอย่างน้อยจะมีระดับภูมิคุ้มกันที่ดีต่อเนื่องเป็นระยะเวลาห้าถึงหกเดือนซึ่งช่วยลดอาการป่วยหนักหรือการเสียชีวิตได้