ยันตระ ลาลูกศิษย์สระแก้ว ขึ้นรถเดินทางไปปทุมธานี ขณะที่เพจลูกศิษย์จี้คนปล่อยคลิป คนกราบไหว้ "อดีตพระยันตระ" รีบเอาพานธูปเทียนแพมากราบขอขมา ลั่นอย่าคิดว่าท่านใจดี จะทำอะไรก็ได้ ถ้านิ่งเฉยอาจเจอวิบัติใหญ่

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่เกพลิตาโพธิวิหาร จังหวัดสระแก้ว นายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระ เดินออกจากกุฏิสูญญตา มาพบปะศิษย์ผู้ปฏิบัติธรรมที่นุ่งขาวห่มขาวหน้ากุฏิ เพื่อรอส่งอดีตพระยันตระขึ้นรถเดินทางพบปะลูกศิษย์ต่อไป ก่อนครบกำหนดเดินทางกลับสหรัฐอเมริการในวันที่ 27 ตุลาคมนี้

ซึ่งจุดประสงค์ที่อดีตพระยันตระกลับมาเมืองไทย คือ คิดถึงบ้านเกิด หลังจากไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ปี 2535 หลังจากบอกลาลูกศิษย์ ทุกคนต่างร้อง สาธุ ขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็เดินขึ้นรถตู้สีขาวทะเบียน 1 นก 6545 กทม. เดินทางเข้าจังหวัดปราจีนบุรี มีรถติดตามส่งจำนวน 5 คัน โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวสังเกตพบว่า พระมหาภวศุธ์ เจ้าสำนักสงฆ์เกพลิตาโพธิวิหาร ไม่ได้ออกมาส่งอดีตพระยันตระ โดยแม่ชีที่เป็นเลขา บอกว่า ท่านเจ้าอาวาสไม่สะดวกมา

ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก ยันตระ แห่งสุญญตาราม ซึ่งเป็นเพจของลูกศิษย์ของอดีตพระยันตระ ได้โพสต์ข้อความเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ระบุว่า หลวงปู่หรือพระอาจารย์ยันตระและคณะ ได้เดินทางออกจากเกพลิตาโพธิวิหาร จังหวัดสระแก้วแล้ว เมื่อเวลา 07.00 น. ในส่วนตัวผู้เขียนเอง ในฐานะผู้มีส่วนสำคัญในการทำให้ท่านกลับมาเมืองไทยครั้งนี้ รู้สึกปลื้มปิติยินดี และซาบซึ้งใจอย่างที่สุด

อยากฝากมายังท่านที่ถ่ายคลิป แล้วหลุดออกไปสู่มวลชน จะเป็นความตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม แม้ภาพเหล่านั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นที่เกพลิตาโพธิวิหาร แต่บรรดาเหล่าศิษย์ต่างก็รู้กันดีว่า เกิดขึ้นที่ไหน

ในช่วงที่พระอาจารย์ท่านยังอยู่ที่ปทุมธานี ก่อนที่ท่านจะจากประเทศไทย จงหาโอกาสเอาพานธูปเทียนแพ ไปกราบขอขมาท่านพระอาจารย์ และคณะสงฆ์เสียเร็วไว ถ้านิ่งเฉยหรือทำไม่รู้ไม่ชี้ จะต้องพบกับความเสียใจ อาจนำความวิบัติใหญ่มาสู่ตัวเองครอบครัวหรือวงศ์ตระกูล เมื่อขอขมาแล้วจากหนักก็จะผ่อนเป็นเบา เลิกคิดได้แล้วว่า "ท่านใจดี ไม่ว่าอะไรใคร ไม่เคยตำหนิ ฉันจะทำอะไรยังไงกับท่านก็ได้ ไม่เห็นจะผิดอะไร"

ล่าสุด ทีมข่าวได้สนทนาทางโทรศัพท์พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ให้ความเห็นในมุมของพระสงฆ์ว่า การออกกำลังกาย กายบริหาร รวมถึงการเล่นโยคะ เป็นสิ่งที่พระสงฆ์สามารถกระทำได้แต่ต้องกระทำในพื้นที่ปิดในกุฎิ ที่ลับตาคน เพียงลำพัง ไม่เหมาะสมที่จะมาแสดงในที่โล่งแจ้ง หรือต่อหน้าสาธารณชน เนื่องจากท่ากายบริหารหรือโยคะมีลักษณะท่าจำเพาะ ซึ่งอาจมีการดัดตน ยกขา ถือว่าไม่สำรวม และหากเป็นการร่วมกลุ่มของพระสงฆ์ จำนวนมาก มาทำกายบริหารจะดูเป็นแสดงโชว์มากกว่าการออกกำลังกาย ยิ่งไม่เหมาะสม

ส่วนที่อดีตพระยันตระ พูดยืนยันตนว่า เป็นพระแท้ ส่วนที่ผม หนวด เครา ยาวขึ้น ไม่ได้เป็นการตั้งใจไว้ แต่ผมงอกและยาวออกมาเอง ตรงนี้ถือว่าเป็นการเลี่ยงบาลี ถ้ายังยืนยันตนว่าเป็นพระสงฆ์ ต้องถามว่าเป็นพระในนิกายใด