เจ้าหน้าที่วางแผนค้นหาผู้สูญหาย 2 สามีภรรยา จากอุบัติเหตุเรือลากจูงเรือสินค้าล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสามแยกวัดพนัญเชิง ล่าสุด กระแสน้ำยังเชี่ยวกราก เป็นอุปสรรคต่อการค้นหา

นาทีที่เรือลากจูงสินค้าเสียการทรงตัว จากกระแสน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลเชี่ยวกราก จนเรือแล่นขวางทางน้ำ ภรรยาคนขับเรือพยายามเดินมาตัดเชือกลากจูงเรือ เพื่อไม่ให้เรือล่มแต่ไม่ทัน ซึ่งขณะนั้นมีผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายคลิปไว้ได้ ถึงกับกรีดร้องด้วยความตกใจ หลังเรือล่มไม่ถึง 5 นาที ก็ถูกกระแสน้ำวนบริเวณดังกล่าวดูดจมลงก้นแม่น้ำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ บริเวณสามแยกแม่น้ำเจ้าพระยาบรรจบกับแม่น้ำป่าสัก ช่วงวัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยภาพอีกมุมเห็นเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เห็นเรือลากจูงวิ่งกันมา 5 ลำ พอถึงช่วงโค้งน้ำวัดพนัญเชิง ซึ่งมีกระแสน้ำวนและไหลเชี่ยวมาก เรือลากจูงลากเรือขนสินค้าไม่ไหว จนส่ายไปมาตามกระแสน้ำ หวิดชนบ้านริมน้ำ ก่อนจะชนกันเอง มี 1 ลำ เสียการทรงตัว แม้คนขับเรือพยายามเร่งเครื่องยนต์ เพื่อประคองเรือให้ลอยลำต่อไปให้ได้ แต่สุดท้ายเรือก็ล่ม มีผู้สูญหายคือ นายสมชาย ธารกุล อายุ 62 ปี คนขับเรือ และภรรยา ชื่อนางนฤมล

คนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุได้ยินเสียงคนร้องเสียงดัง จึงวิ่งมาดู ก็เห็นเรือลากจูง 5 ลำ อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา มี 2 ลำ ชนกัน ก่อนเห็นผู้หญิงกระเด็นตกน้ำ แล้วเรือก็คว่ำลง ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที เรือก็จมลงตรงที่เป็นน้ำวน มีคนตกน้ำ 2 คน

นาวาโทรัชตะ ผกาฟุ้ง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาอยุธยา เผยว่า เรือที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเรือยนต์ที่ลากจูงเรือโป๊ะเหล็กบรรทุกแร่มา 4 ลำ มาจากเกาะสีชัง ไปขึ้นสินค้าที่อำเภอนครหลวง โดยมีเรือยนต์ลากจูงด้านหน้าจำนวน 5 ลำ เพื่อสู้แรงกระแสน้ำ และมีเรือยนต์ดึงด้านหลังอีก 2 ลำ ทำหน้าที่บังคับเรือโป๊ะให้อยู่ในทางเดินเรือคล้ายกับเป็นหางเสือ ที่เกิดอุบัติเหตุเพราะกระแสน้ำแรง จนเรือวิ่งขวางทางน้ำ นายท้ายเรือตัดเชือกไม่ทันทำให้เรือล่ม

หลังเกิดเหตุได้สั่งหยุดการจราจรทางน้ำห้ามผ่านจุดเกิดเหตุเด็ดขาด หลังจากนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ พิจารณาเรื่องกระแสน้ำ หากแม่น้ำเจ้าพระยาและป่าสักไหลแรงอย่างนี้ มีแนวโน้มปิดการเดินเรือไปอีกหลายวันจนกว่ากระแสน้ำจะลดความแรงลงจนปลอดภัย

นางสาวจุฑาทิพย์ การกสิขะวิที อายุ 41 ปี ลูกสาวคนขับเรือ เผยทั้งน้ำตาว่า พ่อมีอาชีพขับเรือลากจูงมานาน มีความชำนาญมาก ตนเองก็เคยอาศัยอยู่เรือกับพ่อมาแต่เกิด รู้และทราบดีกระแสน้ำหน้าวัดพนัญเชิงเชี่ยวกรากเป็นน้ำวน โดยเฉพาะจุดที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน จะกลายเป็นน้ำวนดูดเรือ แต่ละปีจะมีเรือถูกน้ำวนดูดจมลงประจำ กลายเป็นสายน้ำอาถรรพ์ชาวเรือรู้จักดี เรือทุกลำที่จะผ่านช่วงน้ำวนจะต้องจุดธุปบอกกล่าว ส่วนพ่อคงจะรีบไม่ได้บอกกล่าวหรือไม่ก็ไม่ทราบ ตนทราบเรื่องเพราะมีญาติโทรศัพท์มาบอก ตอนที่รู้ก็แทบช็อก แต่ก็ยังเชื่อเรื่องปฏิหาริย์มีจริง ขอให้พ่อและแม่เลี้ยงรอดปลอดภัย

ส่วนการกู้ซากเรือ เมื่อวานี้กลุ่มผู้ประกอบการเรือยนต์ลากจูงนับสิบลำ ออกมาช่วยกู้ซากเรือยนต์ที่จม หลังรู้ตำแหน่งที่ชัดเจนแล้ว โดยตรวจจากจีพีเอสของเรือลำที่จม อยู่ก้นแม่น้ำเจ้าพระยาตรงจุดกระแสน้ำวน ไม่ห่างจากจุดที่เรือจมมากนัก เบื้องต้น กลุ่มผู้ประกอบการเรือยนต์ได้ใช้เชือกผูกกับสมอเรือ โรยเชือกลงแม่น้ำ หวังให้สมอเรือเกี่ยวติดเรือดึงขึ้นมา แต่ยังไม่สำเร็จ

ล่าสุดวันนี้กรมเจ้าท่าส่งเรือลากจูง 4 ลำ มากู้ซากเรือ โดยต้องใช้โซ่ขนาดใหญ่ที่แข็งแรงมาก และมีความยาวถึง 85 เมตร เพื่อให้สามารถจูงเรือที่อับปางซึ่งมีน้ำหนักถึง 10 ตันได้ ส่วนการค้นหาผู้สูญหายทั้งสองคน วันนี้มีชุดประดาน้ำจากกู้ภัยอยุธยา กู้ภัยรัตนโกสินทร์ และชุดของกรมเจ้าท่า ช่วยกันเร่งค้นหาผู้สูญหายต่อเนื่อง แต่ยังติดอุปสรรคกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว คาดว่า นางนฤมลที่กระเด็นตกจากเรือ จะถูกกระแสน้ำพัดไปไกล ส่วนนายสมชาย น่าจะติดอยู่ในซากเรือ ล่าสุดยังไม่พบตัว นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า นอกจากผู้สูญหาย 2 คน ตอนเกิดเหตุยังมีสุนัขอยู่ในเรือ 3 ตัวด้วย