สังคม
กู้ซากสำเร็จ เรือยนต์ลากจูงล่มกลางวังน้ำวน จุดบรรจบแม่น้ำลพบุรี-ป่าสัก กัปตันเรือเล่านาทีรอดตาย
โดย thichaphat_d
12 ก.ย. 2565
389 views
ระทึกกลางแม่น้ำป่าสัก เรือยนต์ลากจูงล่มกลางแม่น้ำหน้าวัดประสาท พระนครศรีอยุธยา โชคดีชาวบ้านช่วยทัน รอดตายหวุดหวิด เผยนาทีชีวิต เรือล่มเพราะกระแสน้ำแรง ทำเสียการทรงตัว ก่อนจมดิ่งใต้น้ำ เจ้าหน้าที่ใช้เรือ 5 ลำ กู้ซากสำเร็จเปิดเดินเรือตามปกติ
วานนี้ (วันที่ 11 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่บริเวณหน้าวัดประสาท อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เกิดเหตุเรือเทียบข้างเรือบรรทุกสินค้าล่ม บริเวณจุดตัดระหว่างแม่น้ำป่าสัก ใกล้เคียงวิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรืออยุธยา
นายพีรธร นาคสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเป็นเรือเทียบข้าง ชื่อแสงเทียนลากจูง 14 โดยลักษณะเป็นเรือเทียบข้างเรือบรรทุกสินค้า เพื่อคอยประคองเรือบรรทุกสินค้าจะมีทั้งด้านซ้ายด้านขวา ซึ่งในช่วงน้ำหลาก เรือบรรทุกสินค้าจะต้องใช้เรือเทียบข้างช่วยในการเดินเรือ ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเรือล่มในครั้งนี้
โดยทางเจ้าท่ากำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ รับแจ้งเหตุเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางน้ำ พร้อมประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้รับทราบ อีกทั้งแจ้งชุดปฏิบัติการตรวจตรา นำเรือยนต์ออกปฏิบัติงาน ช่วยเหลือ คอยควบคุมการจราจรทางน้ำให้เป็นไปตามกฎหมาย และคอยช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยควบคู่กันไปอีกด้วย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนและผู้เดินเรือ
ขณะที่นายปกรณ์ ว่าบ้านพลับ ใส่หมวกคนถ่ายคลิปและนายจีรศักดิ์ สุขสบาย นักตกปลาชาวอยุธยา และผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า จากสายตาที่เห็นมีสาเหตุคล้ายกับวัดพนัญเชิง มีเรือยนต์ลากจูง 6 ลำเร่งเครื่องลากจูงเรือสินค้ามาในพ่วงทั้งหมด 4 ลำ เรือเทียบข้างลำที่ล่มพยายามขับเข้ามาเทียบข้างด้วยความเร็วและแรงไปกระแทกกับเรือขนค้า แล้วเกิดเสียหลักบังคับเรือไม่ได้ ผู้ช่วยบังคับเรือตัดเชือกโยงท้ายไม่ทัน เป็นเหตุทำให้เรือเสียงการทรงตัวพลิกคว่ำตามคลิปที่ถ่ายไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านยืนยันว่าเรือลากจูงสินค้าที่ประสบอุบัติเหตุล่มครั้งนี้ ลากในพ่วงมาด้วยกันทั้งหมด 4 ลำ ซึ่งเกินประกาศของกรมเจ้าท่าที่ประกาศให้ลากพ่วงได้ 3 ลำ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุช่วงฤดูน้ำหลาก เรื่องน้ำกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างการสอบสวน หากลากเกินตามประกาศก็จะดำเนินคดีอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างอีกต่อไป
ต่อเมื่อเวลา 15.00 น. กรมเจ้าท่าสั่งปิดการจราจรทางน้ำในแม่น้ำป่าสัก ขณะนี้ผู้ประกอบการกรมเจ้าท่า ทีมกู้ภัยอยุธยารวมใจ นำกำลังพร้อมอุปกรณ์เชือกดึงเรือเส้นขนาดใหญ่ และนักปะดาน้ำพื้นบ้านชำนาญล่องน้ำ ได้ดำน้ำลงไปผูกเชือกจำนวน 3 เส้น บริเวณด้านหัวแม่ย่านางเรือ เพื่อที่จะนำเรือยนต์ 3 ลำ ดึกเชือกทั้ง 3 เส้น กระเตงเรือออกให้พ้นล่องน้ำมาไว้ริมตลิ่ง ด้านวิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรืออยุธยาเพื่อเปิดการเดินเรือ
ส่วนเรือที่พ่วงมาทั้งหมด 4 ลำ ทางผู้ประกอบการยัน เจ้าท่าได้ผ่อนปรนให้ลำเลียงจากจุดนี้ได้ 4 ลำ เท็จจริงอย่างไรจะสอบถามเจ้าท่าอีกครั้ง โดยขณะที่มีการผูกเชือกติดเรือลากจูงนั้น เจ้าของเรือได้ทำพิธีจุดธูปไหว้ขอขมา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าแม่คงคา เพื่อขอให้กู้เรือที่อับปาง ไม่ให้มีอุปสรรคและสำเร็จโดยเร็ว
นายสุรชัช สดใส อายุ 45 ปี คนขับเรือ กล่าวว่า ตัวเองเป็นเรือกระเตงอยู่ข้างซ้ายโดยมีเรือยนต์ลากจูงมาทั้งหมด 5 ลำ โดยขณะนั้นบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นช่วงทางโค้ง และน้ำค่อนข้างแรง จึงพยายามดึงเรือลากจูงเพื่อไม่ให้หลุดโค้ง แต่เนื่องจากน้ำไหลแรงมาก ทำให้เรือเสียการทรงตัวและเชือกที่ผูกติดกับเรือก็ตึง
ทำให้เสียการทรงตัวน้ำเริ่มเข้ามาในเรือ แม้พยายามจะถอยหลังเรือแต่เชือกที่ตึงอยู่ตลอด จึงให้คนบนเรือตัดเชือกออก แต่ก็ตัดไม่ทัน เรือก็ค่อยๆ จมลง ซึ่งตัวเองยังอยู่ในห้องขับเรือ ข้าวของเครื่องใช้เริ่มจะไหลมาทับ จึงผลักประตูเปิดออกมาแล้วรีบขึ้นบนท้ายเรือ ส่วนแฟนของตัวเองมีเรือรับจ้างมาช่วยเหลือ ซึ่งตัวเองได้ใส่เสื้อชูชีพอยู่แล้วจึงออกมาได้อย่างปลอดภัย
ด้านนางสาววิภา นวลละออ อายุ 41 ปี แฟนสาวที่อยู่บนเรือ กล่าวว่า เรือของตัวเองทำหน้าที่เป็นเรือกระเตงอยู่ทางด้านซ้าย พอมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นช่วงทางโค้ง แฟนของตัวเองที่เป็นคนขับเรือได้ดึงลากเรือทั้ง 5 ลำให้มาทางฝั่งด้านซ้าย เพื่อไม่ให้ไปชนกับเขื่อนที่กำลังก่อสร้าง
แต่จังหวะนั้นน้ำไหลแรงทำให้น้ำเริ่มเข้ามาบนเรือ แม้ตัวเองพยายามจะนำมีดไปตัดเชือกที่เรือแต่ไม่สำเร็จน้ำเริ่มเข้าเรือ ตนจึงตั้งสติแล้วรีบออกมาอยู่บนท้ายเรือ ซึ่งเรือเริ่มตะแคงพลิกคว่ำจากนั้นก็มีคนขับเรือหางยาวมาช่วยได้ทันจึงรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งคู่บอกว่า ตามปกติน้องไอริน หลานสาววัยเกือบ 2 ขวบ มาเลี้ยงดูอยู่ในเรือด้วย วันนี้ไม่รู้เอะใจอย่างไร แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องร้อย ได้นำหลานสาวไปส่งไว้ที่บ้าน ไม่เช่นนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมหลานสาวจะเป็นอย่างไร นับว่าโชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้นำหลานสาวมาด้วยยังยิ้มได้
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้มีการปรับแผนใหม่ใช้เรือยนต์ลากจูงมากถึง 5 ลำ เพื่อลากเรือยนต์ที่จมมีน้ำหนักมากถึง 50 ตัน และยังจะต้องลากทวนกระแสน้ำที่ไหลแรง โดยให้นักปะดาน้ำดำลงไปผู้เชือกเรือเพิ่มอีก 1 เส้น แล้วใช้เรือยนต์ลากจูงรวม 4 ลำ อีกยนต์ลากจูงอีก 1 ลำ ทำหน้ายกเรือเพื่อให้ลากง่ายขึ้น
ซึ่งการเคลื่อนย้ายเป็นไปตามแผน แต่เป็นการลากที่หวาดเสียวสุดระทึกของไทยมุงจำนวนมาก ที่แห่มาดูการเคลื่อนย้ายซากเรือ ต่างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อเรือยนต์ทั้ง 4 ลำ ที่เร่งเครื่องจนทำให้เรือบางลำเอียงในลักษณะคล้ายกับจะพลิกคว่ำ คนในเรือพยายามจับเกาะยึดตัวเองไว้อย่างเหนียวแน่น และเรือลำที่ 4 ลำด้านขวาต้องขับเบี่ยงออกอย่างรวดเร็วเรือเอียงเป็นที่หวาดเสียว ยิ่งทำให้ชาวบ้านที่แห่มาดูระทึกไปด้วย แต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
โดยมีเรือยนต์อีกลำดึงประคองเข้ายังจุดหมายได้เป็นที่สำเร็จ ท่ามกลางความโล่งใจของทุกฝ่าย โดยมีเรือตรวจการณ์ กรมเจ้าท่า เรือเร็ว เรือท้องแบนจากหน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ มาอำนวยความสะดวกคอยระวังเหตุซ้ำซ้อนหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างกู้ซากเรือจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเพื่อความปลอดภัยให้กับทุกคน
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qMH757VfKZs