ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) แถลจับกุมน.ส.นฤมล อายุ18 ปี และน.ส.สายน้ำผึ้ง อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาหลอกขายโทรศัพท์มือถือให้น้องก้อง เด็กนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ผ่านไอจี Phonebymint ที่เหตุเกิดในอ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ โดยตามจับกุมได้ที่การเคหะบางบอน กรุงเทพฯ และที่ย่านราชพฤกษ์

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า หลังรับรายงานจึงสั่งการให้ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ และเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นตำรวจยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.64 เวลา 17.30 น. ตำรวจจับกุมตัว น.ส.นฤมล และน.ส.สายน้ำผึ้ง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากนั้นช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ย. เจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจค้น บ้านพักหลังหนึ่งย่านราชพฤกษ์ อ.เมืองนนทบุรี ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ จากการตรวจค้นไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย พบเพียงครอบครัวของแฟน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้าน โดยได้ตรวจยึดแท็บเลต , คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ , ตู้เซฟนิรภัย , กระเป๋าแบรนด์เนม , ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ และรถยนต์ BMW ไว้ตรวจสอบ หลังพบว่าทีการใช้ไอพีอินเตอร์เน็ตของบ้านหลังดังกล่าวในการเจรจาหลอกลวงเหยื่อ

จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า คนร้ายที่เป็นตัวการใหญ่ คือ นางสาว พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี เปิดไอจี 8 ชื่อ โดยใช้ภาพปลอม และเปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ แต่บัญชีหลักที่มีคนติดตามสูงถึง 6 หมื่นคน คือ โฟนบายมิ้น หลอกขายโทรศัพท์ไอโฟน 7 ให้น้องก้อง เด็กชายวัย 14 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่

ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน สารภาพว่า เห็นโพสต์ชวนให้มาเปิดบัญชีเพื่อแลกค่าจ้าง 8,000 บาท จึงหลงเชื่อ ยอมเปิดบัญชีให้ โดยเปิดบัญชีตามหน้าเคาน์เตอร์ร้านสะดวกซื้อที่ให้บริการ เพื่อให้ยากแก่การติดตามสืบหา จากนั้นใช้เบอร์ของ นางสาวพิยดา เป็นเบอร์ผูกพร้อมเพย์ เพื่อรับรหัส OTP แต่พอเปิดบัญชีแล้วกลับไม่ได้เงินตามที่ตกลง ก่อนจะขาดการติดต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของตำรวจ ที่พบว่า เบอร์มือถือนี้มีหลักฐานการใช้งานอยู่บริเวณบ้านของ นางสาว พิยดา ที่ย่านราชพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี ที่ตำรวจไปตรวจค้น

โดยให้โอนเงิน 5,000 บาท เข้าบัญชีของ เยาวชนหญิงวัย 18 ปี จากนั้นเงินถูกโอนต่อไปบัญชีของ นางสาว สายน้ำผึ้ง และโดนต่อไปอีก 29 บัญชี ก่อนจะมาสิ้นสุดที่บัญชีของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ใน ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เมื่อตรวจสอบย้อนไปพบว่าผู้รับผลประโยชน์ทั้งหมดของบริษัทนี้ คือ นางสาว พิยดา

นางสาวพิยดามีพฤติกรรมชอบใช้ของแบรนด์เนมใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้มาก็มาจากการฉ้อโกงผู้อื่น นอกจากนี้ยังพบว่านางสาวพิยดาเคยต้องคดีความผิดในลักษณะเดียวกันในพื้นที่ สภ.คลองหลวง มีหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อีกทั้งพนักงานสอบสวนจะมีบันทึกไปยังเลขาธิการ ปปง. ให้พิจารณาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อติดตามยึดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหารายนี้ต่อไป

ด้านนางสาว จันท์ปปภา ตะคามจันทร ผู้เสียหายที่ถูกหลอกเดินทางมาเพื่อสังเกตุการณ์การแถลงข่าวหลังทราบเรื่อง ได้ระบุว่า ตนกำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยหนึ่ง ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์มือถือในการเรียนออนไลน์ในช่วงนี้ จึงหาข้อมูลและไปพบร้านของผู้ต้องหาในอินสตาแกรม ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมากดูน่าเชื่อถือ จึงตัดสินใจติดต่อซื้อไอโฟน 11 ในราคา 11,000 บาท หลังจากโอนเงินไปก็ไม่ได้ของ และติดต่อไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความ เมื่อรู้ว่าตำรวจสามารถจับผู้ร่วมขบวนการได้ก็รู้สึกดีใจและหวังว่าจะได้เงินคืน เพื่อนำไปซื้อโทรศัพท์มือถือใช้ในการศึกษาต่อไป

รวมไปถึงคุณสุพรรณวดี ธรรมประเสริฐ หรือฟ้า เจ้าของธุรกิจส่วนตัว แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ ยืนยันว่าเธอถูกปลอมภาพ และนำภาพเธอไปใช้ใน IG หลอกขายโทรศัพท์มือถือ พร้อมยืนยันว่าเธอเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการขายโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้น

เธอเล่าว่า ประมาณเดือน ส.ค.มีเพื่อนทักมาถามและบอกว่ารูปเราถูกนำไปใช้ในIGแม่ค้ามือถือรายหนึ่ง ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะมา กระทั่งมาเด็กผู้เสียหายบางคนทักมาถามเรื่องมือถือ ซึ่งเธอก็ยืนยันกลับไปว่าเธอไม่ได้ขาย ไม่รู้เรื่อง จนทราบว่ามีผู้เสียหายที่เป็นเด็กหลายร้อยคน ถูกหลอก

เธอก็ตกใจและได้ทักไปหา IG แม่ค้าร้านมือถือ แต่ก็ถูกบล็อค และเข้าไปตรวจเช็คต่างๆทำให้รู้ว่าภาพเธอ ต่างๆ ในประจำวันที่ลงใน IG สตอรี่ เช่นภาพ ตอนเธอขับรถ ลงรูปบ้าน ภาพตอนไปช็อปปิ้ง ถูกแม่ค้ารายนี้นำไปสวมรอย เอาไปลงในIG ตัวเอง

ล่าสุดเธอได้ไปแจ้งความตำรวจ สน.โคกคราม เพื่อเอาผิดกับร้านขายโทรศัพท์ Phonebymint ที่เอารูปเธอไปใช้ และขอบคุณลูกค้าของเธอที่คอยส่งข่าวให้ เธอให้ข้อมูลอีกว่า เธอไม่ใช่ผู้เสียหายคนเดียว ยังมีผู้เสียหายรายอื่นๆด้วย ที่ถูกนำภาพไปใช้เช่นกัน และขณะนี้ก็ได้แจ้งความไว้แล้ว

รับชมทางยูทูปที่ : https://youtu.be/AhcdzVpvoY8