วันที่ 1 ก.ย. 64 จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า สจ.ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ โพสคลิปวีดีโอลงบนเฟสบุ๊ค พร้อมพิมพ์แคปชั่นว่า ภารกิจหลังแจกข้าวเสร็จ ชอบคำพูดที่ว่า #ลูกสาวยอมแต่แม่ยายไม่ยอม (ถ้ามีครั้งหน้าแกเครียเองนะไอหมู) โดยเนื้อหาขอวีดีโอได้มีภาพของการจัดขบวนคล้ายแห่ขันหมาก ไปสู่ขอสาวแต่งงาน แต่กลับกลายเป็นขบวนแห่ลูกเขยไปขอขมาแม่ยาย หลังลูกเขยทำผิดต่อภรรยา จนแม่ยายไม่ยอมให้เข้าบ้านมาเกือบเดือนแล้ว โดยมีนายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ เป็นผู้ใหญ่ในการแห่ไปขอขมาในครั้งนี้ด้วย จนสุดท้ายแม่ยายก็ใจอ่อนยอมยกโทษให้ พร้อมกับบอกว่า ลูกยอมแต่แม่ไม่ยอม

ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ นักธุรกิจชื่อดังในพื้นที่ต.โพธาราม และสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายชัยทิพย์ก็ได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ตนไปแจกข้าวสารให้กับชาวบ้านในพื้นที่ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และพบกับนายธนเสฏฐ์ หงส์ทองหิรัญ อายุ 48 ปี ได้เข้ามาของร้องว่าช่วยไปพูดกับแม่ยายให้หน่อย เพราะแม่ยายไม่ยอมให้ตนเข้าบ้านมาเกือบเดือนแล้ว

ซึ่งภรรยาก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร แต่แม่ยายไม่ยอมและไม่ให้เข้าบ้าน จึงได้มาปรึกษาตน พอหลังแจกข้าวเสร็จก็เลยยกขบวนเข้าไป ถ้าโดนก็โดนด้วยกันหมด พอเข้าไปแล้ว แม่ยายเห็นความตั้งใจของเรา ก็เลยให้อภัยและสัญญาว่าจะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีก ซึ่งตนก็ดีใจที่ว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ครอบครัวกลับมาปกติและมีความสุข ทางแม่ยายบอกว่าตัวเขาเองไม่ยอมถึงแม้ลูกสาวไม่ยอม เขามีลูกเขยคนเดียวเขาก็ไม่อยากให้ไปเป็นลูกเขยใครอีก ตนก็เข้าใจว่าแม่ยายคงไม่อยากให้ครอบครัว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปที่บ้านเลขที่ 24 ม.8 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อพบกับ นางรัชนี เจริญธรรม หรือแม่น้อย และนางเขมณัฏฐ์ หงส์ทองหิรัญ อายุ 33 ปี ลูกสาวและภรรยาของนายธนเสฏฐ์ ผู้เป็นลูกเขย เพื่อสอบพูดคุยและสอบถามเรื่องราวความเป็นมาในครั้งนี้

นางรัชนีกล่าวว่า ก็ได้ขายข้าวอยู่ปกติ และได้เห็นนายชัยทิพย์ ตั้งขบวนขันหมากมา และเราได้ติดตามผลงานเขามาเป็นสิบปีแล้วเพราะว่าเขาเป็นคนดีช่วยเหลือสังคม ตนจึงได้ออกมามองเห็น นายชัยทิพย์ และลูกเขย ซึ่งไม่ได้เข้าบ้าน เพราะเราได้ไล่ไม่ให้เข้าบ้าน เพราะเขาไปติดผู้หญิง

ซึ่งลูกสาวนี่ทำใจได้แต่แม่ยายทำใจไม่ได้ เฮียก็เลยพาเข้ามา ถ้าลูกเขยเข้ามาคนเดียวก็คงต้องด่าสักหน่อยแต่พอนายชัยทิพย์ มาด้วยก็เลยลืม หลังจากนั้นลูกเขยก็เข้ามากราบเรา และนายชัยทิพย์ก็ได้พูดกับตนว่าขอโอกาสให้เขา เลยรู้ว่าเป็นเรื่องที่ตนไม่ให้เข้าบ้าน ตนก็ใจอ่อนเลยให้โอกาส และลูกเขยก็เข้าใจไปเลือกคนมาถูกด้วย เพราะถ้าไม่ใช่นายชัยทิพย์ ก็คงไม่ได้ “เราคิดว่าเรามีลูกสาวคนเดียวก็มีลูกเขยคนเดียวไม่อยากให้เป็นของใคร”

แต่ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีกและต่อให้เป็นนายชัยทิพย์ก็ต้องบอกไว้เลยว่าคงจะไม่ได้แล้วและนายชัยทิพย์เองก็คงจะไม่กล้าเข้ามาแล้ว