นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (30 ส.ค.) ได้อนุมัติ วงเงิน 4,745 ล้านบาท สำหรับการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 9,998,820 โดส เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่กลุ่มเป้าหมายหลัก 6 กลุ่มได้แก่

-เด็กอายุ 12 - 17 ปี

-หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

-บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า (ฉีดกระตุ้นภูมิเข็มที่หนึ่ง)

-ผู้สูงอายุและผู้มีและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง

-ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง

-ผู้ที่มีความจำเป็นต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ก่อนเดินทางไปต่างประเทศเช่น นักเรียน นักศึกษา นักกีฬานักการทูต เป็นต้น

ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 สำหรับประชาชนทั่วไป ว่า จากการพิจารณาของคณะอนุกรรมการวิชาการ ในคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีมติให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 กระตุ้นแก่ประชาชน

ซึ่งกำลังเวียนมติให้กรรมการให้ความเห็นชอบ และจะลงความเห็นชอบเป็นทางการวันที่ 31 ส.ค.นี้ จากนั้นจะนำเสนอที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) ของกระทรวงสาธารณสุขรับทราบ และเสนอต่อที่ประชุม ศบค.

การกระตุ้นเข็ม 3 นั้น จะขึ้นกับปริมาณวัคซีนที่เข้ามา จากการคาดการณ์พบว่า ต.ค.จะมีวัคซีนเข้ามาประมาณ 20 ล้านโดส ดังนั้น ช่วงต.ค.จะสามารถฉีดวัคซีนกระตุ้นให้แก่ประชาชนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มมาก่อนหน้านี้ แต่หากในกรณีวัคซีนไม่เข้ามาตามกำหนด จะขยับปริมาณการให้วัคซีนต่อไป

เมื่อถามว่า วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 สำหรับประชาชนทั่วไปจะเป็นตัวไหน นพ.โอภาส กล่าวว่า โดยหลักต้องเป็นคนละชนิด หากใครได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ซึ่งเป็นเชื้อตาย จะได้รับการกระตุ้นเป็นไวรัลเวกเตอร์ อย่างแอสตร้าเซนเนก้า หรืออาจเป็นชนิด mRNA อย่างไฟเซอร์ ดังนั้น มีการเตรียมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์รองรับ แต่เพื่อความชัดเจนขอให้รอมติอย่างเป็นทางการ