ที่บริเวณจุดตรวจเชื้อที่ ลานจอดรถอาคารบี ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นจุดให้บริการตรวจเชื้อให้กับประชาชน โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ร่วมกับกรมการแพทย์ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการประชาชนตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. เป็นต้นมา พบว่าแต่ละวันมีประชาชนเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก

จนทำให้ลานจอดรถเต็มไปด้วยประชาชนจำนวนมาก และรอบๆ ก็มีผู้ที่ได้รับบัตรคิวแล้วนั่งรอ กระจายตามร่มไม้ต่างๆ เจ้าหน้าที่จัดระเบียบ ให้ยืนต่อแถวเว้นระยะห่างมีการกำหนดจุดยืนรอ แบ่งเป็นรอบเช้า รอบบ่าย

ซึ่งจุดนี้เรียกได้ว่าเป็นการให้บริการที่ครบวงจร คือมีจุดตรวจเชื้อด้วยวิธี ATK เมื่อทราบผลว่าติดเชื้อ และมีอาการ ก็จะได้รับยารักษา และนำชื่อเข้าระบบโฮมไฮโซเลชั่นทันที

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช เปิดเผยว่า การให้บริการตรวจเชื้อแบบ ATK ซึ่งเป็นการตรวจแบบรวดเร็ว ทราบผลภายใน 30 นาที -ขั้นตอนคือ จะเปิดให้มีการรับบัตรคิวตอนเช้า ตอนบ่าย และเริ่มตรวจ 7.30 น. โดยประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นแล้วก็มาต่อคิว แต่ใครที่จะขอเข้ามาตรวจแบบวอล์คอิน ก็มาได้เช่นกัน เมื่อมาถึงแล้ว ก็มาต่อคิว ซึ่งยอมรับว่ามีประชาชนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงจัดระเบียบ ให้ยืนต่อแถว ตามจุดที่กำหนดไว้ โดยเว้นระยะห่าง แต่หากเป็นคิวช่วงบ่ายก็จะขอให้ไปพักผ่อนรอก่อน

เมื่อเข้ามาลงทะเบียนแล้ว ก็จะได้ชุดตรวจคนละ 1 ชุด เจ้าหน้าที่จะให้ทำการตรวจเชื้อให้ และให้นั่งรอฟังผล ภายใน 30 นาที หากใครผลเป็นบวก จะมีการแยกกลุ่มออกมา ส่วนใครผลเป็นลบ เจ้าหน้าที่จะให้คำแนะนำเรื่องกักตัวและมาตรวจซ้ำ หรือการไปตรวจแบบ RT-PCR 

กรณีที่พบว่าติดเชื้อ ผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่จะประเมิน โดยมีทีมอาจารย์หมออาสามาช่วย โดยผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ จะได้คำแนะนำ และนำชื่อเข้าสู่ระบบ โฮมไอโซเลชั่น รอทางเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับดูแลตามขั้นตอน

กรณีที่พบว่าผลเป็นบวกแล้วมีอาการ จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ทันที 1 ชุด กิน 5 วัน ในซองจะมีเอกสารแนะนำการกินยา โดยคำนวณตามอายุ น้ำหนักผู้ป่วย ก่อนรับยานี้ก็มีคุณหมอคอยให้คำแนะนำ

จากนั้นจะมีการนำรายชื่อของผู้ติดเชื้อนี้ เข้าสู่ระบบโฮมไอโซลูชั่น โดยคนที่ได้รับยาแล้ว จะมีรายละเอียดปรากฎว่ารับยาไปแล้ว เมื่อเข้าสู่ระบบการดูแลของทีมแพทย์ วีดีโอคอล คอยดูแลรักษาอาการจนหาย ก็จะไม่มีการให้ยาซ้ำซ้อนอีก

คุณหมออรรถพร บอกว่า เริ่มดำเนินการบริการประชาชนแบบนี้ ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. จนถึงสิ้นเดือนนี้ ทำมาหลายวันเริ่มเห็นแล้วว่าอะไรเป็นจุดอ่อน คนบางกลุ่มเข้าไม่ถึงการตรวจเชื้อ การรักษา

วันนี้เราทำปรับครบวงจร และยังมีจุดบริการฟาสแทร็ค สำหรับกลุ่มบุคคล ที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น คนพิการทุกประเภท,ผู้สูงอายุ,หญิงตั้งครรภ์,เด็กเล็กทารก สามารถเข้ามาแถวจุดนี้จะได้รับการบริการที่เร็วขึ้น

การที่เริ่มแจกยาฟาวิพิราเวียร์ ประชาชนที่ติดเชื้อ ได้ยากลับไปกินที่บ้านก็ดีใจ เพราะเขาได้เข้าสู่การรักษา ไม่ได้เคว้งคว้าง และหากพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งต้องเดินทางกลับบ้านด้วยรถสาธารณะ จะมีบริการ มีรถของสื่อมวลชน มาช่วยสนับสนุนเพื่อส่งผู้ป่วยกลับบ้าน โดยไม่ต้องไปแพร่เชื้อให้คนอื่น ทุกอย่างจะเป็นระบบที่เราทำขึ้นมา

ในแต่ละวันมีประชาชน มาตรวจมากกว่า 2,000 คน และเมื่อวันอังคาร 27 ก.ค. มีผู้ตรวจมากถึง 2,500 คน ในช่วงแรกพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อคำนวนจากการตรวจ พบผู้ติดเชื้อเพียง 7% ต่อมา เพิ่มเป็น11% ต่อมา13% ล่าสุด พบติดเชื้อแล้ว 18%

แน่นอนว่า การที่พบเชื้อและได้รับยา ทำให้ผู้ป่วยอุ่นใจได้รับการรักษาแบบนี้ จะทำให้ผู้ป่วยรายอื่นๆที่รอยา หรือรอการตรวจเชื้อจะมาเข้าคิวขอรับยาที่นี่อีกหรือไม่ คุณหมออรรถพร ระบุว่า กรณีที่ตรวจวิธีอื่นแล้วยังไม่ได้รับยา หากมีผลตรวจมาแล้วมายืนยันและขอตรวจใหม่เพื่อที่จะเข้ารับยานั้น จะมีการตรวจสอบว่า ใบการตรวจของผู้ป่วยนั้นตรวจจากที่ใด ที่ตรวจเชื่อถือได้หรือไม่ และตรวจสอบว่า ได้ลงระบบหรือได้รับยาแล้วหรือยัง จะตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจะสามารถให้ยาได้หรือไม่ โดยจะตรวจจากข้อมูลจากระบบบัตรประชาชน ทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามระบบกติกา เพราะกังวล เรื่องการแจกยาซ้ำซ้อน และยาฟาวิทิราเวียนี้ คือยารักษาไม่ใช่ยาป้องกัน จะให้ยา สำหรับคนที่มีอาการ

เมื่อได้รับยาแล้ว เข้าสู่ระบบโฮมไอโซเลชั่นแล้ว หมอก็จะดูแลจนหาย แต่ถ้าอาการไม่ดีเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง ทางคลินิกจะส่งรถโรงพยาบาลไปรับโดยจะมีคลินิกที่ดูแลผู้ป่วย ประสานกับโรงพยาบาลรองรับไว้แล้ว

การที่ให้บริการแบบนี้ ถือว่าครบวงจร เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ มีกลุ่มเสี่ยง มีคนสงสัย มีคนกังวล หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อ จำนวนมาก เมื่อได้รับการตรวจ เมื่อติดแล้วได้รัยา และดูแลตัวเอง ว่าควรทำอย่างไร จะส่งผลดีกับผู้ติดเชื่อทดขาจะได้รู้ จะได้ป้องกันการแพร่เชื้อ และรีบรักษาแชะการที่ ได้รับ คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่โดยตรง ผู้ป่วย ก็จะมั่นใจ อุ่นใจได้ซักเข้าสู่ระบบการรักษา

ทั้งนี้คุณหมอย้ำมาว่า

1. ถ้าตรวจเจอเป็นบวก กลุ่มสีเขียว แจกยาฟาวิพิราเวียร์ เฉพาะคนที่มีอาการแล้วเท่านั้น

2. กรณีตรวจที่อื่น แล้วพบว่าติดโควิด ถ้ามีผลแล็บมายืนยัน และมีอาการ ก็ให้ยาได้ และตรวจสอบระบบการลงทะเบียนแล้วยังไม่ได้รับยาก็ให้ได้

3. การแจกยาฟาวิพิราเวียร์ ให้ผู้ติดเชื้อมีอาการ ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ อย่างเดียว แต่ก่อนหน้านี้ แจกฟ้าทะลายโจร เพราะยังยาฟาวิพิราเวียร์ ยังไม่มา

4. กรณีพบว่าติดเชื้อ แต่ไม่มีอาการจะไม่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์

5. ยาฟาวิพิราเวียร์ มีเพียงพอหรือไม่ หากมีผู้ป่วยจำนวนมาก คุณหมออรรถพร บอกว่า ได้รับความกรุณา จากกรมการแพทย์จัดสรรยามาให้กับผู้ป่วย ที่ศูนย์ราชการ จึงมียาจำนวนจำกัด และจะให้บริการตรวจคัดกรองถึงวันที่ 30 ก.ค.เท่านั้น

นอกจากนี้ คุณหมออรรถพร ยังกล่าวถึงกรณีผู้ป่วยที่ลงทะเบียนโฮมไอโซเลชั่น แล้วยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ หรือแม้แต่การโทร 1330 ต่อ 14 ติดต่อยาก คุณหมออรรถพร ระบุว่า ปัจจุบัน มีผู้ป่วยลงทะเบียนรักษาแบบโฮมไอโซเชชั่นแล้ว ประมาณ 3 หมื่นราย แต่มีบางกลุ่มที่ลงไม่ได้ เพราะมีข้อมูลค้าง ที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบ ต้องชำระข้อมูล เนื่องจากในการลงทะเบียนไม่ใช่มีแค่ผู้ป่วย แต่มีการลงทะเบียนมาขอวัคซีน ลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบระบบ ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้ข้อมูลค้างในระบบ เจ้าหน้าที่ก็เสียเวลา แทนที่จะได้ให้บริการคนป่วยจริงๆ

ส่วนการโทรติดต่อยากนั้น มีการเพิ่มคู่สายจากเดิม 1,600 คู่สาย เป็น 2,100 คู่สายแล้ว ต้องยอมรับว่ามีจำนวนคนโทรเยอะมาก ทำให้ระบบช้า แต่เจ้าหน้าที่ พยายามปรับปรุงให้รวดเร็ว

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/q9b9fDugJ_I