วันนี้ (20 ก.ค.) กระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อวัคซีนกับบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยและอินโดไชน่าจำนวน 20 ล้านโดสแรก คาดนำเข้าได้ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยยังยืนยันแผนการจัดหาวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสตามเป้าในปีนี้ ขณะที่ความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ ของกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีอยู่ในช่วงที่น่าจับตาว่าจะมีความเคลื่อนไหวใดเกิดขึ้นภายใน 2 วันนี้หรือไม่

การลงนามสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ระหว่างกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กับ บริษัท Pfizer ประเทศไทยและอินโดไชน่า เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 จำนวน 20 ล้านโดส โดยมีตัวแทนผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเป็นสักขีพยาน ซึ่งวัคซีนล็อตนี้คาดว่าจะเข้ามาในประเทศช่วงไตรมาสที่ 4 หรือ เดือนตุลาคมนี้ ตามข้อตกลงของสัญญา เพื่อมาเป็นวัคซีนหลัก ตามแผนการฉีดที่กำหนดไว้ 2 เข็ม ในระยะห่างกัน 21 วัน กับกลุ่มเป้าหมายอายุ 12 ปีขึ้นไป หากไม่นับวัคซีนล็อตนี้ วัคซีนของไฟเซอร์ที่เร็วที่สุด ก็จะเป็น วัคซีนล็อตบริจาคจากสหรัฐจำนวน 1.5 ล้านโดส

ตามคำยืนยันของนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ว่าจะเข้ามาในสิ้นเดือนนี้ และจะนำมาใช้เป็นเข็มกระตุ้นให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน รวมทั้งผู้สูงอายุ และกลุ่มอื่นๆ ก่อนพิจารณาสั่งเพิ่มอีก 50 ล้านโดสในปีหน้า

ส่วนความชัดเจนกรณีการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ของกลุ่มเครือโรงพยาบาลธนบุรี ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนของการลงนามเกิดขึ้น แม้จะมีการยืนยันว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบสัญญาตามคำชี้แจงของนายแพทย์ บุญวนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ความชัดเจนจึงมีเพียงเอกสารจากกลุ่ม THG ชี้แจงไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น ที่ยืนยันว่าจะมีการจัดซื้อจริง แต่ก็มีรายงานว่าอาจมีความเคลื่อนไหวภายในสัปดาห์นี้ที่ต้องจับตา

ขณะที่วันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำของ นพ.บุญ วนาสิน ว่าเป็นการหวังผลประโยชน์ในหุ้นของบริษัทหรือไม่

ส่วนกรณีเอกสารการสำรวจโควต้าวัคซีนของไฟเซอร์ ที่ข่าว 3 มิติ นำเสนอ ล่าสุดอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ยืนยันว่าอยู่ระหว่างสำรวจข้อมูลจากโรงพยาบาลทั่วประเทศจริง และจะจัดสรรตามความเหมาะสมเท่านั้น

ด้านการจัดส่งวัคซีนจากแอสตราเซเนก้าที่ไม่เป็นไปตามเป้าเดือนละ 10 ล้านโดส นายแพทย์โอภาส ยืนยัน ในสัญญาไม่มีความซับซ้อนใดๆ เนื่องจากเป็นไปตามการลงนามในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 26 ล้านโดส ก่อนจะปรับเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ขณะนี้ทางแอสตร้าเซเนก้าประเทศไทยแจ้งมาแล้วว่าจะจัดส่งให้เฉลี่ยเดือนละ 5-6 ล้านโดส

ภาพรวมการจัดหาวัคซีนที่มีการจองซื้อในปีนี้จะแบ่งเป็นแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส , ซิโนแวค 19 ล้านโดส และไฟเซอร์อีก 20 ล้านโดส รวม 100 ล้านโดส และ มีแผนจะจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 120 ล้านโดสในปีหน้านี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อให้คลอบคลุมในทุกเทคโนโลยีการผลิต