สังคม

สธ.แจงปม 'วัคซีนแอสตร้าฯ' มีผลข้างเคียง ชี้ไทยไม่มีให้ฉีดแล้ว 'หมอธีระวัฒน์' จี้ชดใช้ค่าเสียหาย

โดย nattachat_c

2 พ.ค. 2567

28 views

จากกรณี อินดิเพนเดนท์ รายงานว่า ในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มในสหราชอาณาจักร ถึงผลข้างเคียงหลังรับวัคซีนโควิด โดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ที่พบภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตนั้น ขณะที่ บริษัทแอสตร้าฯ ได้โต้แย้งข้อกล่าวอ้างเหล่านั้น แต่ก็ยอมรับเป็นครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนสามารถทำให้เกิด TTS หรือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ได้ในบางกรณี


นอกจากนั้น ยังสามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีวัคซีนแอสตร้าฯ หรือวัคซีนใดๆ สาเหตุในแต่ละกรณีจะเป็นเรื่องของหลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งการยอมรับของแอสตร้าฯ ครั้งนี้ ขัดแย้งกับคำยืนกรานของบริษัทในปี 2003 ที่ว่า ไม่ยอมรับว่า TTS เกิดจากวัคซีนในระดับทั่วไป


วานนี้ (1 พ.ค. 67) นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนโควิด-19 โดยบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า นั้น จริง ๆ ทางบริษัทฯ ก็ได้มีการแจ้งข้อมูลที่เป็นวารสารทางการแพทย์ออกมา ตั้งแต่ในช่วงที่มีการอนุญาตในลักษณะฉุกเฉิน (EUA) แต่ในขณะนี้ มีการอนุญาตใช้โดยทั่วไปแล้ว จึงเก็บข้อมูลผลข้างเคียงในลักษณะที่เป็นหลักฐาน รวมถึงมีเรื่องของการฟ้องร้องดังกล่าวด้วย


อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเมื่อมีคำแนะนำหรือข้อมูลทางวิชาการออกมา กระทรวงสาธารณสุขก็นำคำแนะนำนั้นมาปรับในแนวทางการให้วัคซีน เช่น ที่บริษัทแอสตร้าฯ มีข้อมูลการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อย สธ.ก็ออกคำแนะนำให้ฉีดในกลุ่มผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป


“ข้อมูลการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันมีการเปิดเผยมาตั้งแต่ช่วงที่วัคซีนใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีการนำเสนอข้อมูลนี้ให้กับทุกประเทศที่ใช้วัคซีนรวมถึงไทยด้วย ซึ่งในขณะนั้นเขาระบุว่ามีการพบ และสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวข้องกัน จึงระวัง และลดใช้ในระยะหลัง ซึ่งประเทศไทยมีการเก็บข้อมูลผลข้างเคียงหลังการรับวัคซีนทุกชนิด เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกรมควบคุมโรคและ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)” นพ.สุรโชคกล่าว


นพ.สุรโชค กล่าวต่อว่า ในการใช้ยารวมถึงวัคซีน จึงจำเป็นต้องใช้ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามผลหลังจากการรับยานั้นๆ ซึ่งการฉีดวัคซีนก็เป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่จะต้องติดตามและรายงานผล ซึ่งโดยทั่วไปแล้วหลังจากมีการใช้วัคซีนทุกชนิดทั้งโควิด-19 และวัคซีนโรคอื่นๆ อย่างแพร่หลายมากขึ้น 1-2 ปี ก็เริ่มเห็นข้อมูลมากขึ้น ก็จะมีการออกคำแนะนำและเฝ้าระวังมากขึ้น


เมื่อถามว่าในขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนแอสตร้าฯ สำรองอยู่เท่าไหร่ นพ.สุรโชคกล่าวว่า ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ที่เราได้ซื้อมาไปจนหมดแล้ว และไม่ได้มีการจัดซื้อจัดหาเพิ่มเติมในปีนี้ ดังนั้น วัคซีนที่ประเทศไทยมีฉีดในตอนนี้คือ ไฟเซอร์ และโมเดอร์น่า

------------------

ด้าน รศ.ดร.นพ ชาตรี ชัยอดิศักดิ์โสภา อาจารย์หน่วยโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยกับ The Reporters ว่า


มีรายงานภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ (VITT) หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 อยู่ 2 ชนิด โดยกลไกที่ทำให้เกิดภาวะ VIIT เพราะองค์ประกอบของวัคซีนบางส่วนที่ทำให้ร่างกายผู้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา แล้วไปกระตุ้นเกล็ดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน และเกล็ดเลือดอุบัติการณ์ทั่วไปพบได้ 1:100,000 ในกลุ่มประชาชนทั่วไป พบน้อยมากในกลุ่มผู้สูงอายุ (มากกว่า 65 ปี) มีเพียง 1:1,000,000 ประชากร และในกลุ่มที่น้อยกว่า 55 ปี พบได้ 1:50,0000 มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบได้สำหรับอาการมักเกิด ใน 1-2 สัปดาห์ หลังจากฉีดเข็มแรก แต่ยังสามารถพบได้ภายใน 30 วันหลังฉีด โดยอาการขึ้นกับพบว่ามีลิ่มเลือดที่บริเวณใด พบบ่อยที่สุดบริเวณหลอดเลือดดำของสมอง รองลงมาคือในหลอดเลือดดำในท้อง ส่วนในบริเวณอื่นๆ พบได้น้อยกว่า


การวินิจฉัยประกอบด้วย 3 องค์ประกอบคือ ต้องมีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หากสงสัยจะส่ง CT Scan ต้องมีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ และมีการสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้านเกล็ดเลือดของตนเอง การรักษาจะให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และยับยั้งการสร้างภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติด้วยการให้ยา Intravenor Immunoglobulin (IVIG)


ทั้งนี้ คาดว่า ภายหลังจากการออกมายอมรับของบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนแล้ว จะเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องนี้เพื่อทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

-------------------
ด้าน นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและระบบประสาท โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีที่แอสตร้าเซนเนก้า ออกมายอมรับครั้งแรกว่า วัคซีนโควิดของบริษัททำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และ เกล็ดเลือดต่ำ 


พร้อมโพสต์ภาพ คดีแรกที่ฟ้องปีที่แล้ว ของนาย Jamie Scott คุณพ่อลูกสอง ที่เกิดอาการบาดเจ็บทางสมองถาวร (permanent brain injury) ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป หลังรับวัคซีนเมื่อ เม.ย. 2564 ถึงตอนนี้มีการฟ้องคดีวัคซีนโควิดต่อศาล ในลักษณะ Class Action ฟ้องแบบกลุ่มทั้งหมด 51 คดี


ความจริง ช่วงหลังจากเริ่มมีการให้วัคซีน AZ ก็มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง แต่แพทย์เห็นว่าประโยชน์จากการสร้างภูมิต้านทาน ยังมากกว่าผลเสียที่เกิดขึ้น ตัวเลขอย่างเป็นทางการในอังกฤษ คาดว่ามีการเสียชีวิตอย่างน้อย 81 คนที่เป็นผลมาจากการรับวัคซีน AZ ซึ่งทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ


ทางการ #อังกฤษ ยังได้จ่ายเงินเพื่อเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บจากการรับวัคซีนโควิด ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ จนถึงเดือนก.พ. 2567 รบ.จ่ายค่าสินไหม 163 ครั้ง อย่างน้อย 158 ครั้ง เกิดจากการฉีดวัคซีน AZ พูดอีกอย่าง ผู้ได้รับบาดเจ็บจากวัคซีนโควิดในอังกฤษ เป็นเพราะได้รับวัคซีน AZ แทบทุกคน


อีกโพสต์ หมอธีระวัฒน์ ระบุข้อความลักษณะ จี้ องค์กรให้ชดใช้ค่าเสียหายจากฉีดวัคซีนแอสตร้า พร้อมยืนยันว่า ยังมีการฉีดอยู่ โดยคิดค่าใช้จ่าย


ซึ่งระบุผ่านข้อความว่า ในที่สุด การฟ้องร้องเป็นกลุ่ม ได้ผล /ยอมรับเพียง เรื่องเดียว ความจริงมีเรื่องอื่น ๆ อีก


วัคซีนอื่นๆ กำลังมีการฟ้องร้องในต่างประเทศ ซึ่งในไทยก็มีการดำเนินการอยู่และหน่วยงานไทยยังคงยืนยันว่า วัคซีนปลอดภัย การตาย พิการไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน / โดยทางการประกาศว่า มีการตาย 5 รายจากวัคซีนโควิด ทั้งประเทศเท่านั้น และปฏิเสธผลข้างเคียงระยะยาว


จนถึง 1 เม.ย. 2567 ในไทยยังมีการบังคับฉีดในองค์กรอีกหลายแห่ง และมีการบริการฉีดโดยคิดค่าใช้จ่าย "ค่าเสียหายชดใช้ และต้องมีการเยียวยา"

---------------
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/6kn5KxqppmA

คุณอาจสนใจ

Related News