ปชช.ห่วงบ้าน ทยอยกลับเข้าที่พักอาศัย แม้ทางจังหวัดประกาศเตือนยังอันตราย

สังคม

ปชช.ห่วงบ้าน ทยอยกลับเข้าที่พักอาศัย แม้ทางจังหวัดประกาศเตือนยังอันตราย

โดย thichaphat_d

7 ก.ค. 2564

0 views

จากเหตุการณ์ระเบิดและไฟไหม้ภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซอยกิ่งแก้ว 21 อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 1 ราย คือ นายกรสิทธิ์ ราวพันธ์ อายุ 19 ปี หรือ พอส อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ขณะเดียวกันมีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าวจำนวนมาก


เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ.จัดเจ้าหน้าที่ ให้คำแนะนำการกรอกเอกสารข้อมูลกับผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายได้เดินทางไปที่ สภ.บางแก้ว


เพื่อแจ้งความกับทีมพนักงานสอบสวน 30 นาย สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ที่บูรณาการกำลังมาอำนวยความสะดวกรับแจ้งความ สอบปากคำ ตรวจหลักฐานความเสียหาย มีทั้ง บ้าน รถ และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมทั้งอาการบาดเจ็บ เพื่อดำเนินการตามสิทธิ์อันพึงได้รับ จนถึงขณะนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วกว่า 300 ราย สอบสวนปากคำไปแล้วราว 200 ราย


ผู้สื่อข่าว สำรวจพื้นที่ภายใต้รัศมี 5 กิโลเมตรรอบโรงงาน พบว่าประชนชนส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพที่ทางจังหวัดจัดไว้รองรับ บางคนไปอาศัยอยู่บ้านญาติและ บางคนเปิดโรงแรมนอน ขณะที่บางส่วนที่ได้อพยพออกจากพื้นที่ เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) พวกเขากันกลับมาที่บ้านเพราะเป็นห่วงบ้านของตัวเอง


มีไม่น้อยที่พบว่าประชาชนเริ่มทยอยกลับเข้าบ้านแล้ว รวมถึงห้องเช่า หอพักต่าง ๆ แม้ทางจังหวัดฯ ยังไม่มีคำสั่งให้ประชาชนกลับเข้าบ้านได้ เนื่องจากต้องให้มั่นใจว่าโรงงานหมิงตี้ จะไม่เกิดการปะทุไฟไหม้ซ้ำอีก อีกทั้งต้องรอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสารปนเปื้อนในน้ำ และคุณภาพอากาศ เนื่องควันที่พวยพุ่งออกมาเป็นสารเคมี อาจเป็นอันตราย 


เช่น นางสาวกัลยา สมานเมือง อายุ 44 ปี ชาวบ้าน หมู่ 13 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 700 เมตร หลังเกิดเหตุ ได้พาคนในครอบครัวอพยพไปอยู่บ้านเช่าอีกแห่งหนึ่งที่ จ.ฉะเชิงเทรา ตนเองกลับมาที่บ้านเพราะคิดว่าสามารถเข้าได้แล้ว โดยอยู่ในบ้านเหม็นกลิ่นสารเคมีรุนแรง แสบใบหน้า แสบคอ แสบจมูก เกรงว่าจะเป็นอันตราย เมื่อวานนี้(6 ก.ค.) จึงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า หิ้วพัดลมไปด้วย 1 ตัว


นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวไปสำรวจบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ที่ ม.15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พบว่าบ้านของนายเล็ก ทับทอง อายุ 57 ปี ได้รับความเสียหาย หลังคาหลุดล่อน ส่วนบ้านของลูกชายเพดานพังร่วงหลุดลงมาก เมื่อวานนี้นายเล็กพร้อมด้วยลูกชาย และหลานชาย เข้ามาซ่อมแซมหลังคา เพราะกังวลว่าทรัพย์สินอาจได้รับความเสียหายซ้ำเติมจากฝนที่อาจตกลงมา กลางคืนมีคนเข้ามาขโมยของ ทำให้พวกเขาอยู่เฝ้าบ้านไม่กล้าอพยพ


ส่วนที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนกิ่งแก้ว ห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียง 500 เมตร หลังได้เร่งย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล กระจายไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ในเครือ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยเนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุ เมื่อวานนี้ผู้สื่อข่าวย้อนกลับไปดูแทบร้าง ทางโรงพยาบาลนำเชือกมากั้นด้านหน้า รพ. รวมถึงประตูเข้าออกด้านข้าง มีเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน มาช่วยกันเก็บทำความสะอาด เคลียร์พื้นที


โดยพบว่าชาวบ้านรายกหนึ่ง เดินทางมาที่โรงพยาบาลตามหมอนัดให้มารับยารักษาเบาหวาน ให้ภรรยา เมื่อมาถึงกลับพบว่า รพ.หยุดให้บริการชั่วคราว ตนเองเข้าใจว่าน่าจะหยุดแค่วันเดียวคือวันที่เกิดเหตุ (5 ก.ค.) ตนสอบถามทาง รพ.แต่ไม่มีใครให้ข้อมูลได้ว่าจะให้มาพบหมอตามนัดอีกเมื่อไหร่ ถ้ายาหมด คนไข้มีอากรกำเริบจะทำยังไง


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/fyhyRubqL_Q

คุณอาจสนใจ