เลือกตั้งและการเมือง

“พิพัฒน์” รับลูก “อนุทิน” เตรียมตั้งกรรมการสอบ ปม สปส.ซื้อตึก SKYY9 แพงเกินจริง

โดย nicharee_m

13 มิ.ย. 2568

51 views

“พิพัฒน์” เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบวินัย หลังผลสอบข้อเท็จจริงชุด มท.ชี้ชัดตึก SKYY9 แค่ 3 พันล้านไม่ใช่ 7 พันล้าน ไม่ขอชี้นำต้องเรียก รมว.คนก่อนหน้าให้ข้อมูลหรือไม่ มอบเป็นอำนาจประธาน ลั่นเรื่องนี้หาผู้รับผิดชอบ พร้อมไล่บี้ตามลำดับขั้น ยืนยันการตรวจสอบต้องโปร่งใส พิสูจน์ได้ไม่รังแกใคร

จากกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 มูลค่า 3 พันล้านบาทในราคา 7 พันล้านบาท โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งได้จัดทำรายงานผลตรวจสอบการใช้งบประมาณการลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีข้อสรุปผลการศึกษาและวิเคราะห์ราคาอาคาร SKYY9 เห็นว่า มูลค่าตลาดของอาคาร SKYY9 ในขณะที่ทำการซื้อขายควรมีค่าในช่วงประมาณ 3,428,000,000-3,863,000,000 บาทนั้น

ล่าสุด วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงถึงแนวทางดำเนินการกรณีผลพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ว่า จากการที่คุณอนุทิน รองนายกรัฐมนตรีมี ข้อสั่งการมานั้น ตนก็จะดำเนินการต่อจากนี้ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบโดยดูถึงความเสียหาย รวมทั้งเรื่องวินัยว่าผิดตรงไหน มีจุดเริ่มตั้งแต่จุดไหน  

แน่นอนว่าเมื่อคณะกรรมการชุดที่แล้วมีความเห็นแบบนี้ ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการอีกชุดหนึ่ง ซึ่งชุดนี้โดยเฉพาะเลขาธิการประกันสังคมในขณะนั้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน คือ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เพราะฉะนั้นการตั้งคณะกรรมการที่จะมาสอบสวนอีกครั้งหนึ่งก็จะต้องหาบุคคลในระนาบเดียวกัน ซึ่งในกระทรวงเราไม่มี จึงต้องไปขอความกรุณาจากกระทรวงอื่นเพื่อมาเป็นประธานในการสอบเรื่องวินัย ว่า กระบวนการต่างๆ มีการชงเรื่องเข้ามานั้นเหตุการณ์เป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ทำเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าจะพันลงไปถึงระดับเจ้าหน้าที่

เพราะหากไม่มีเจ้าหน้าที่ในการนำเสนอข้อมูล ขึ้นมาถึงผู้ใหญ่คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งการลงทุนของประกันสังคมจะต้องผ่านอนุกรรมการ ก่อนจะเข้าบอร์ดใหญ่ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ตรงนี้จะเชื่อมโยงไปถึงอนุกรรมการต่างๆ ด้วย

แต่ในส่วนนี้จะเชิญผู้ที่อาสาเข้ามาเป็นประธานและกรรมการ ซึ่งได้มีการทาบทามไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาว่า จะรับหรือไม่รับ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ตนคิดว่าไม่ค่อยมีใครอยากจะรับเท่าไหร่ เพราะเหมือนกับว่า หากดีก็โอเค แต่หากไม่ดี เพื่อนๆ ก็จะรังเกียจ

ส่วนกรอบเวลาในการตั้งคณะกรรมหารสอบนั้น ยังไม่สามารถกำหนดกรอบได้ เนื่องจากมีรายละเอียดเยอะ แต่จะเร่งตั้งคณะกรรมการให้ทันในสิ้นเดือนนี้

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้ได้เริ่มกระบวนการของการหาประธานในการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว สุดท้ายไม่ใช่ตนเองที่เป็นคนชี้ ก็จะเป็นอำนาจของบอร์ดที่จะเป็นผู้หาข้อเท็จจริง ว่าที่ซื้อตึก Skyy9 นั้น มีราคาแพงจริงหรือไม่ หรือแพงกว่าควรจะเป็นเท่าไหร่ ระบบขั้นตอนการจัดซื้อผิดขั้นตอนหรือไม่ จากเอกสารที่ได้รับข้อมูล ทำไมมีการประเมินฝ่ายเดียว ทำไมไม่มีการประเมินจากทั้งสองฝ่าย นี่คือสิ่งต่างๆ ที่คณะกรรมการชุดใหม่ต้องเข้าไปดู และจากนั้นก็ต้องหาผู้รับผิดชอบ ว่ามีตั้งแต่ระดับไหน และไปสุดที่ระดับไหน

นายพิพัฒน์ ขอยอมรับว่าการหาประธานมาทำการสอบไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องที่ยากที่สุด ไม่แน่ใจว่าจะมีคนรับหรือไม่ และหากไม่มีใครรับเป็นประธาน ก็คงต้องหารือถึงขั้นเอาระดับปลัดกระทรวงที่เกษียณไปแล้วนั่งประธานสอบได้หรือไม่

เมื่อสอบว่ามีโอกาสจะเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยได้หรือไม่ ให้มารับตำแหน่งประธานสอบชุดใหม่ นายพิพัฒน์ ยืนยันว่าไม่ได้ เพราะปลัดมหาดไทยได้เป็นประธานในการหาข้อเท็จจริงไปเรียบร้อยแล้ว เราคงไม่ใช้ชุดเดิม เพราะท่านได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยไปแล้ว  ดังนั้นคนที่จะมาหาสอบ ต้องเป็นอีกชุดว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ชุดท่านรองนายกฯอนุทินตั้งมาหรือไม่

เมื่อถามว่า หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ต้องมีการสั่งพักการทำหน้าที่ของปลัดกระทรวงแรงงานหรือไม่ นายพิพัฒน์ ระบุว่า ตรงนี้ต้องขอหารือก่อน ตนเองยังไม่สามารถให้คำตอบวันนี้ได้ ต้องมีการหารือในระดับผู้บังคับบัญชาสูง  เบื้องต้นหลังจากมีการตั้งกรรมการเสร็จแล้วก็ต้องหารือกับกรรมการว่าจะต้องเดินขั้นตอนต่อไปอย่างไร หรือต้องหารือกับรองนายกฯ อนุทิน ว่ามีความเห็นอย่างไร ซึ่งตอบไม่ได้ว่าให้พักหรือไม่ให้พัก   แต่หากพบว่าเกี่ยวเนื่องกันอาจจะปรึกษาคณะกรรมการแล้วกันออกไปก่อน เพราะ หากหยุดในตำแหน่งหน้าที่อาจมีการแทรกแซงได้  แต่ไม่ต้องกังวลเพราะจะพยามทำให้เร็วที่สุดและโปร่งใส

เมื่อถามอีกว่าก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับปลัดกระทรวงแรงงานหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุย เพราะว่ามีการตั้งกรรมการแล้วหากข้อเท็จจริงแล้ว  ตนเองก็คงไม่ไปรบกวนท่านต้องปล่อยให้กรรมการทำงานอย่างอิสระโปร่งใส  ถ้าตนเองเข้าไปวุ่นวายหรือพูดอะไรกับปลัดก็ถือว่าวางตัวเป็นกลาง

เมื่อถามย้ำว่าการสอบครั้งนี้ เป็นการสอบถึงประเด็น “ทุจริต” ด้วยหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวย้ำว่า การตั้งคณะกรรมการอีกชุดขึ้นมาเพื่อสอบเรื่องวินัย “มีคำว่าวินัย ก็หมายความว่าทุจริตนั่นแหละ แต่อาจจะทุจริตหรือไม่ทุจริตก็ได้”

เมื่อถามย้ำว่าจะถึงขั้นเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนก่อนหน้ามาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายพิพัฒน์ ย้ำว่า ตามที่บอกไปเป็นเรื่องของประธานกรรมการที่จะแต่งตั้งขึ้นมา ตนไม่สามารถชี้นำได้ ถึงเวลาตรงนั้นเขาอาจจะเชิญหรือไม่เชิญก็ได้เพราะเป็นอำนาจ และต้องดูว่าจะมีการพาดพิงหรือไม่ และหากไม่พาดพิงก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะเชิญเข้ามาให้ถ้อยคำ  เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างยังถือว่าทุกคนยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ยังไม่มีข้อสรุปออกมาว่าใครถูกใครผิด  แต่หากมีข้อสรุปจากคณะกรรมชุดที่ตนกำลังจะตั้งขึ้นมาแล้วนั้นเราถึงระบุได้ว่า

“ใครคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบตามลำดับชั้น ขอเน้นคำว่าตามลำดับชั้นเพราะเลขาธิการ สปส. ในขณะนั้น คงไม่ได้ทำเองทุกเรื่อง น้องๆ ที่เป็นคนชงเรื่องก็ทำตามลำดับชั้นขึ้นมา และจากนั้นจะส่งไปที่ไหนต่อหรือตัดสินใจเพียงท่านเดียว หรือหยุดที่บอร์ดตัดสินใจ ก็เป็นเรื่องกฎเกณฑ์ของประกันสังคม”

โดยการตั้งคณะกรรมมาสอบครั้งนี้ เราจะดูว่ามีใครผิดวินัยหรือไม่ผิดวินัย สมมุติว่าขบวนหารทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับคน 100 คน ก็คงไม่ได้ผิดทั้ง 100 คน อาจจะผิดสัก 10 คน 20 คน หรือ 30 คน หรือผิดแค่ 1-2 คน ก็ได้

เมื่อสอบถามว่าคนที่เคยดำรงตำแหน่งในสมัยนั้นไม่ว่าจะเป็นประธานบอร์ดคนก่อนสามารถเชิญได้หรือไม่ นายพิพัฒน์ บอกว่า ต้องเชิญมาตอบทั้งหมด สมมุติว่าปลัดที่นั่งเป็นประธานบอร์ดในขณะนั้นเป็นใคร เมื่อกรรมการเชิญท่านก็ต้องมาตอบเพราะเป็นความรับผิดชอบของท่าน แต่อะไรก็แล้วแต่ให้เป็นอำนาจของบอร์ดคนเชิญ

นายพิพัฒน์ ยังกล่าวว่า การซื้อสินทรัพย์ในมูลค่าชิ้นหนึ่งที่สูงขนาดนี้ เชื่อว่า สปส. มีกระบวนการขั้นตอนชัดเจน ดังนั้น การจะไปหาว่าใครผิดหรือไม่ผิดวินัยคงไม่ยาก เพราะข้อเท็จจริงเขาทำมาให้เราแล้วในระดับหนึ่ง  แต่การสอบครั้งนี้อาจจะ ต้องใช้เวลาในการสอบมากกว่าคณะกรรมการชุดหาข้อเท็จจริงเพราะเราลงคำว่า “วินัย” นั่นหมายความว่า “ถูก เสมอตัว แต่หาก ผิด คุณถูกลงโทษแน่“ ซึ่งการจะลงโทษใคร ควรจะรอบคอบมากที่สุดเพราะบางท่านรับราชการมา 5 ปี 10 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปชี้ว่าถูกหรือผิด ต้องละเอียดรอบครอบ เพราะต้องลงลึกถึงการให้คุณให้โทษ ส่วนบทลงโทษหรือโทษสูงสุดจะเป็นอย่างไรยังไม่ชัดในรายละเอียดนี้

เมื่อถามว่าผลสอบข้อเท็จจริงออกมาแล้วนั้น ส่วนตัวมองว่า การซื้อตึก Skyy9 ราคาแพงหรือไม่นั้น  นายพิพัฒน์ ระบุว่า ตนจะไม่ใช้ความรู้สึกตัวเองมาชี้นำ ถ้าโดนชี้นำหรือพูดว่ามันแพงไป หรือถูกไป หรือเหมาะสม มันไม่ได้  เพราะกรรมการที่จะตั้งขึ้นใหม่จะบอกว่าท่านรัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์แบบนี้ ซึ่งส่วนตัวมองว่ามองเป็นการชี้นำ

พร้อมกันนี้ นายพิพัฒน์ ขอย้ำว่าจะทำให้โปร่งใสที่สุด และไม่ต้องกังวล ซึ่งส่วนตัวเองนั้นก็ไม่ได้กังวล เพราะความรับผิดชอบ ในเมื่ออยู่ในยุคของตนเองต้องรับผิดชอบ

“แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในยุคของผม ขอเรียนตรงไปตรงมาว่าไม่ค่อยสบายใจ เพราะถ้าเป็นยุคผมผมรับผิดชอบ 100% เราสามารถตอบอะไรได้ 100% แต่เมื่อเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามารับหน้าที่ มันเป็นเรื่องของเพื่อนๆ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำให้โปร่งใสที่สุด สามารถพิสูจน์ได้ จับต้องได้ ว่าไม่ได้รังแกใคร” รมว.แรงงานกล่าว

เมื่อถามถึงว่าหลายคนมองเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง ส่วนตัวคิดเห็นอย่างไรบ้าง นายพิพัฒน์ กล่าวว่า คำว่าเกมการเมือง คิดว่าไม่ใช่เกมการเมือง เราอย่าเอาเหตุการณ์การเมืองในปัจจุบันนี้ ไปโยงย้อนหลังกลับไปในขณะนั้นเพราะมันต่างกรรมต่างวาระ ต่างเวลากัน  โดยเฉพาะคณะนั้นไม่ใช่เหมือนปัจจุบันซึ่ง ตนไม่ขอก้างล่วงว่าการเมือง จะเป็นอย่างไรแต่ตนมีหน้าที่อย่างเดียวในเมื่อมีข้อสั่งการแทงมาตามลำดับชั้นจากนายอนุทิน ดังนั้นก็ต้องปฏิบัติตามที่เป็นเจ้ากระทรวงอยู่ ณ ขณะนี้

ช่วงท้าย นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เคสนี้เป็นเคสที่อ่อนไหว และเข้ามาพันถึงการเมืองที่วุ่นๆ ในปัจจุบันนี้ด้วย เพราะฉะนั้นตัวผมเองไม่สามารถที่จะชี้นำหรือตอบอะไรได้เลย ถ้าเป็นเรื่องของตัวผมและตัวกระทรวงเราเพียงฝ่ายเดียวคงกล้าฟันธง แต่นี่มีองค์ประกอบเข้ามาเกี่ยวเนื่อง ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐและคำว่าการเมือง”

คุณอาจสนใจ

Related News