เลือกตั้งและการเมือง

“ก้าวไกล” ซัด “พีระพันธุ์” ปฏิญญาเขาใหญ่ ถามรับใช้ใครแน่

โดย thanaporn_s

25 ก.ค. 2567

227 views

วันที่ 25 ก.ค. 2567 ในการประชุม สภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ มอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ตอบกระทู้ถามแทน

นายศุภโชติ ได้อภิปรายถึงราคาน้ำมันแพงและพลังงานที่แพงขึ้นในขณะนี้ว่า ในฐานะ สส. ได้ยินเสียงบ่นด่าของประชาชนราคาน้ำมันแพง รับไม่ไหว มาตรการตึงราคาน้ำมันดีเซลราคาลิตรละ 33 บาท มาพร้อมปัญหา กลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซินกลับไม่มีมาตรการช่วยเหลือ จึงอยากจะถามว่ามีมาตรการที่ดีกว่านี้หรือไม่ เพราะท่านทำแบบเดิมให้กองทุนน้ำมันแบกรับส่วนต่างด้านราคา กองทุนน้ำมันติดลบกว่า 110,000 ล้านบาท สุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลาย แม้ท่านจะบอกว่าให้กองทุนไปกู้ธนาคารพาณิชย์ ให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน ธนาคารที่ไหนจะกล้าให้กู้ ในเมื่อหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตนอยากให้ท่านถามพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าประเทศรายได้ลดลง เงินที่พรรคแกนนำรัฐบาลจะเอามาทำดิจิทัลวอลเล็ตจะพอหรือไม่ นอกจากกกกองทุนหรือการลดภาษีสรรพสามิต มีมาตรการหรือวิธีการอย่างไรที่จะช่วยลดราคาน้ำมันให้กับประชาชน

นายพีระพันธุ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ก่อนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ก็ไม่ต่างจากประชาชนทั่วไป ไม่รู้เรื่องว่าอะไรคืออะไร ถึงเวลาก็ต้องจ่ายค่าน้ำมัน ไปเติมที่ปั๊มขึ้นราคาเท่าไหร่ก็จ่ายไปเท่านั้น ปัญหาจะแก้ด้านขวาก็มาเจอด้านซ้าย พอมาเป็นรัฐมนตรีเห็นปัญหาต่างๆ ที่เป็นประเด็น รวมถึงภาระกองทุนน้ำมันที่กำหนดเอาไว้กว่า 40 ปี ไม่มีใครคิดจะปรับปรุงแก้ไข ใช้แต่กองทุนน้ำมัน ได้รู้ว่าค่าน้ำมัน 38-40 บาทต่อลิตร เพราะไทยมีเนื้อน้ำมันผสม 2 สูตร คือแก๊สโซฮอล์กับไบโอดีเซล ราคาอยู่ที่ 21 บาท ส่วนภาษีน้ำมัน ถ้าจะช่วยประชาชนก็ต้องเก็บพอสมควร แต่ถ้าต้องการหารายได้เข้ารัฐก็ต้องเก็บเยอะ ทำอย่างไรจึงจะอยู่ในความพอดี ในอาเซียนมีแค่ 3 ประเทศที่เก็บภาษี คือ ไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม ไทยเก็บสรรพสามิต 5.99 บาท อีกทั้งต้องเสียภาษีบำรุงท้องถิ่น 60 สตางค์ ราคาอยู่ที่ 6.50 บาท รวมทั้ง vat และเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน ประชาชนต้องแบกภาระสองต่อ ทำให้ทำให้ราคาน้ำมันแพงถึงเกือบ 40 บาท

อำนาจหน้าที่ของกระทรวงพลังงานคือการกำหนดภาษี แต่ไม่ได้เก็บ คนเก็บคือกระทรวงการคลัง แต่กฎหมายกองทุนน้ำมันที่ออกมาใหม่ ตัดอำนาจออกเหลือแต่ใช้เงิน นี่คือสาเหตุทำให้หนี้กองทุนน้ำมัน รัฐบาลเป็นหนี้กว่า 50,000 ล้านบาท เพราะไม่สามารถกำหนดเพดานภาษีได้ ปัญหาที่ผ่านมามัวแต่ใช้เงินยัน ไม่คิดวิธีอื่น ตนคิดเหมือนท่านว่าไม่คิดกันบ้างหรือไง และวันนี้ตนกำลังคิดและกำลังทำ เราทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีกฎหมาย ท่านต้องดูกฎหมายกองทุนน้ำมันมีอำนาจตรงไหนให้กระทรวงพลังงานหรือรัฐมนตรีพลังงานทำได้ ไม่มีเลย พูดเปรียบเทียบมาตลอดจะขึ้นราคาต้องขออนุญาต

จากนั้น นายศุภโชติ ลุกขึ้นตอบกลับว่า ตนเพิ่งทราบว่าท่านจะแก้ไขกฎหมาย แต่ไม่มั่นใจว่าการเข้าไปแทรกแซงราคาเป็นผลดีหรือผลเสียกับประชาชนมากกว่ากัน ต้องขอดูรายละเอียดก่อน และมาถกกันทีหลัง สำหรับประเด็นที่สองเรื่องค่าไฟแพงขึ้นถึง 4.60 บาท หรือ 6 บาทต่อหน่วย ค่าไฟจริงๆอยู่ที่ 4.10 เพราะต้องนำเงินไปใช้หนี้จากมาตรการในอดีต หนี้ก้อนนี้ 100,000 กว่าล้านบาท หากยังใช้กลไกเดิมๆ หนี้อาจจะขยายไปถึง 150,000 ล้านบาท จึงอยากจะถามว่า จะเอาอย่างไรกับหนี้เก่า แล้วหนี้ใหม่ในอนาคตที่กำลังจะเพิ่มขึ้น

“ตนขอเสนอให้รัฐมนตรี กล้าคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะขอแบ่งงบกลางมา 30,000-40,000 ล้านบาท แทนที่จะเอาเงินตรงนี้ไปทำดิจิทัลวอลเล็ต เอามาลดค่าไฟลดค่าครองชีพให้กับประชาชน อย่าให้เอางบกลางไปทำนโยบายของพรรคเขาเพียงคนเดียว แบ่งมาบ้าง ตนจำว่าตอนพรรคท่านหาเสียง เคยหาเสียงว่าจะลดค่าไฟให้กับประชาชน งบกลางควรจะเป็นของทุกพรรคร่วมรัฐบาล ควรแบ่งมาลดค่าไฟมาตามนโยบายที่หาเสียง รัฐบาลถึงจะไปต่อได้ หรือถ้าพรรคใหญ่ดึงดันไม่ให้ใช้งบกลาง ตนแนะนำให้หันหลังกลับมาคุยในพรรครวมไทยสร้างชาติ คุยกับนายทุนพลังงานเจ้าของโรงไฟฟ้า เรื่องสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชน ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีมาถึงตรงนี้ท่านเข้าใจว่าประชาชนต้องจ่ายเงินฟรีให้กับโรงไฟฟ้าที่สร้างแล้วไม่ได้เดินเครื่อง ตนแนะนำให้คุยกับนายทุนพลังงาน เพราะรูปที่ออกมาจากเขาใหญ่ แสดงให้เห็นว่าพวกท่านสนิทกันดี ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อประโยชน์ของประชาชน ถึงเวลาหรือยังที่จะใช้อำนาจรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแก้ไขปัญหา“

ด้านนายพีระพันธุ์ ชี้แจงว่า เป็นปัญหาที่หมักหมมก่อนตนเป็นรัฐมนตรี ตนให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและอัยการ ดูสัญญาว่าจะปรับลดหรือแก้ไขอะไรได้บ้าง เพราะการไฟฟ้าเป็นหน่วยงานของรัฐไม่ใช่เอกชน ไม่จำเป็นต้องหากำไรเข้าบริษัท แบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น แต่ต้องมีเงินนำส่งรัฐบาล ตนเห็นตรงกับท่านต้องมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้ต้นทุนไฟฟ้าถูก ลงมอบนโยบายให้ผู้ว่าฯ คนใหม่ไปคิดมาแล้ว

นายศุภโชติ ยังได้ถามต่ออีกว่า การแบกหนี้เหมือนระเบิดเวลา ค่าไฟ-น้ำมันเป็นผลพวงมาจากการวางแผนที่ผิดพลาดในอดีต เกิดจากการสร้างโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น เพื่อความเป็นธรรม ปัญหานี้ นายพีระพันธุ์ ไม่ได้ก่อเพราะปัญหามีมาก่อนที่ท่านจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง แต่ร่างแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ที่ออกมาเมื่อเดือนมิถุนายน ท่านทำผิดพลาดเหมือนเดิม ภายใต้การบริหารของท่าน

“ท่านกำลังทำให้ประเทศนี้มีโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น เพิ่มขึ้น 8 โรงใน 13 ปี ร่างแผนนี้กำลังนำพาประเทศไปในทิศทางที่เลวร้าย ค่าไฟแพงขึ้น ลดการปล่อยมลพิษไม่ได้...ไม่แน่ใจว่าร่างแผนพลังงานชาติจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ เพราะเชื่อว่าในวง "ปฏิญญาเขาใหญ่" น่าจะมีการพูดคุยเรื่องนี้ด้วย...ท่านต้องทำงานเพื่อประเทศชาติไม่ใช่เพื่อเอาใจในทุนพลังงาน ตนยังสงสัยว่าใครคือรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่แท้จริง ช่วยยืนยันกับสภาและประชาชนว่าท่านคือรัฐมนตรีของประเทศไทย กำลังทำงานเพื่อประชาชน”

นายพีระพันธุ์ ย้อนกลับไปตอบคำถามเรื่องงบกลางมาแก้ปัญหาราคาพลังงานว่า " งบกลางต้องใช้หลายเรื่อง ถ้าผมสามารถสั่งการเรื่องงบกลางได้เอง ก็จะใช้ให้มากกว่านี้"
ส่วนคำถามเรื่องร่างแผนพลังงานชาติ นายพีระพันธุ์ ระบุว่า ร่างแผนดังกล่าวตนไม่ได้เป็นคนร่างเป็นเพียงแค่ผู้กำกับ แต่แผนจะกำหนดค่าไฟให้อยู่ที่ 3.80-3.90 บาท แผนรูปแบบใหม่ต้องนำเทคโนโลยี และหน่วยงานหลักต้องคิดจะทำอย่างไรให้ค่าไฟถูกลง ท้ายที่สุดตนก็ต้องจ่ายค่าไฟ พร้อมย้ำว่า รัฐมนตรีพลังงานชื่อ พีระพันธุ์ ถ้าท่านเป็น สส. แล้วไม่ทราบ ต้องกลับไปทบทวน

คุณอาจสนใจ

Related News