เลือกตั้งและการเมือง

“ศุภชัย” แจงปมถูก ป.ป.ช. ฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง ยันถือครองที่ดินมาตั้งแต่เป็นครู

โดย gamonthip_s

25 เม.ย. 2567

384 views

นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงกรณีที่ป.ป.ช.ฟันผิดจริยธรรมร้ายแรง สมัยนั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ ถือครองที่ดินของรัฐ น.ส.2 โดยไม่มีคุณสมบัติ พร้อมส่งศาลฎีกาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตว่า ยังไม่ได้รับเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ตนครองมาตั้งแต่ยังเป็นครู ไม่ได้มาเอาตอนเป็นรัฐมนตรีช่วย พร้อมสู้ในชั้นศาลฎีกา ซึ่งมีข้อมูลพยานหลักฐาน การซื้อขายใบจองเอาไว้เป็นหลักฐาน แต่ไม่ได้นำไปทำนิติกรรมอะไร ทำเป็นหลักฐานเฉย ๆ



“ที่ดินตรงนี้มั่นใจแล้ว มันไม่ใช่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ใช่ที่สงวนหวงห้าม เป็นที่ที่มีคนครอบครองมา ผมไปใช้สิทธิ์ ต่อจากชาวบ้านหลาย ๆ ทอด เท่านั้นเอง และตนก็ได้มาก่อนมีตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2532-2533 แต่ผมเป็นสส.ปี 2544”



นายศุภชัย ระบุว่า ตอนตนเป็นสส.สมัยแรก ไม่กล้าแจ้งบัญชีทรัพย์สินจนปลูกยางพารา ได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ป.ป.ช. และระดับรองอธิบดีกรมที่ดินก็ศึกษามาว่าเป็นทรัพย์สินเราได้เพราะครองครองทำประโยชน์มานาน พร้อมระบุว่า กฎหมายจริยธรรม เพิ่งมีมาปีเท่าไหร่ เมื่อปี 60 กว่านี้เอง ซึ่งย้อนไปตอนตนเป็น รมช.เกษตรฯ ตนก็ถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้ และก็ถูกยื่นป.ป.ช.ด้วยตั้งแต่ปี 53  ก็เงียบหายมา สุดท้ายมาทะเลาะกับท่านเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เขาก็ไปค้นเรื่องเดิมมาร้อง มาฟ้องส่งป.ป.ช. และคณะกรรมการจริยธรรมด้วย ดังนั้นตนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว ถ้าผมผิดแต่แรกทำไมป.ป.ช.ไม่ชี้ ตั้งแต่หลายปีมาแล้ว



ส่วนคำชี้มูลของ ป.ป.ช. ที่ระบุว่า กีดกันผู้ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง นายศุภชัย ยืนยันว่า ไม่ได้กีดกันหลอกเพราะเขาครอบครองมา ก็ขายต่อให้ตนหลายทอด จนมาถึงตน ตนไม่ใช่ไปใช้สิทธิ์ตั้งแต่เริ่มต้น จับฉลากไม่ใช่เลย พอเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ใครครอบครองทำประโยชน์ต่อมาก็มีกฎหมายรองรับ เสนอออกเอกสารสิทธิ์ได้ มีช่องทางกฎหมายเดินไป แต่ที่แปลงนี้ เป็นประเด็นทางการเมืองมาตั้งแต่ตนเป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ เจ้าหน้าที่เขาจึงไม่กล้าแตะ ไม่เช่นนั้นก็ออกเป็นโฉนดหมดแล้ว  



ส่วนมองว่ากรณีนี้ หากนำกฎหมายจริยธรรมมาบังคับใช้ย้อนหลังจะไม่เป็นธรรมกับตนนั้น นายศุภชัย ระบุว่า ตนก็คิดว่าอย่างนั้น “ถ้าผมได้ที่ดินแปลงนั้นมา ตอนมีตำแหน่งทางการเมือง ผมควรจะถูกดำเนินคดีจริยธรรม แต่ในกรณีนี้ผมได้มาก่อนหน้านั้น”



ซึ่งเหตุผล ที่ตนแจ้งบัญชีทรัพย์สิน เพราะกลัวคนจะมาฟ้องร้องว่าตนปกปิดบัญชีทรัพย์สิน พร้อมหารือจนท.ป.ป.ช. ตั้งแต่ปี 2549-2550 แล้ว “มันเป็นความบริสุทธิ์ใจของผม” ซึ่งได้รับคำแนะนำแบบนั้น และตนเคยเป็นเลขานุการ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ  ก็เคยนำที่ดินพวกนี้มาศึกษา และกรมที่ดินก็ยืนยันว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ป่าสงวนพื้นที่หวงห้าม แต่เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่าที่รัฐนำมาจัดสรร ตนก็แจ้งบัญชีทรัพย์สิน “มันเป็นความซื่อและความบริสุทธิ์ใจของผม”



ก่อนย้อนถามว่าถ้าตนไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน ก็ไม่มีความผิดใช่ไหมและกฎหมายจริยธรรม มันกว้างมันครอบจริยธรรมเหลือเกิน ซึ่งมันใช้ดุลยพินิจใช้ความรู้สึก ซึ่งต้องมองที่มาที่ไป และตนถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบไปแล้ว 1 รอบ ก็ไม่มีอะไร ดังนั้นจะเอากฎหมายจริยธรรมมาใช้กับผม ผมว่ามันไม่เป็นธรรมหรอก

คุณอาจสนใจ

Related News