สันธนะแจงไม่ได้บุกรุกกองสลากพลัส เตรียมแจ้งความกลับฐานหมิ่นประมาท

             วันนี้ (30 พ.ย.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์  เดินทางไปที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงกรณีที่เมื่อวานนี้ (29 พ.ย.) นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส  มาแจ้งความเอาผิดตนเอง ฐานบุกรุกสำนักงานย่านทองหล่อ

            นายสันธนะ ระบุว่า ต้องการยื่นหนังสือสอบถามว่า ตนถูกแจ้งความกล่าวโทษอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้นำไปดำเนินการต่อ เพราะจากการที่ตนยืนฟันนายพันธ์ธวัช ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้  มองว่ามีการพูดเรื่องไม่จริง พูดให้ตนเสียหาย ซึ่งตนจะแจ้งความฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ที่ สน.พหลโยธินด้วย

           ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกนั้น นายสันธนะ ชี้แจงว่า ตนเคยเข้าไปยังสำนักงานของนายพันธ์ธวัช มาแล้ว 3 ครั้ง ทุกครั้งมีการนัดหมายกันชัดเจน ไม่ใช่การบุกรุก  โดยครั้งแรกที่ไป คือตอนที่นายพันธ์ธวัชเพิ่งเริ่มเปิดธุรกิจใหม่ๆ ตนเห็นว่าธุรกิจน่าสนใจ  จึงเข้าไปพร้อมทีมงานซึ่งมีฝ่ายกฎหมายด้วย  และยังมีการนั่งประชุมร่วมกัน ต่อมาเมื่อตนสนใจ จึงหาข้อมูล แล้วพบว่า อีกฝ่ายทำธุรกิจพันล้านแต่ยังเอารถไปจำนำ  จึงสงสัย เลยนัดหมายขอเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว  ยืนยันว่าการนั่งคุยกัน ไม่มีเรื่องการไถเงินแต่อย่างใด

           ส่วนครั้งที่ 3 คือ วันที่ 1 เมษายน ตนก็ให้คนของตนประสานงานเข้าไปก่อนว่าสะดวกให้ตนเข้าไปพบหรือไม่  อีกฝ่ายก็บอกว่าเชิญเข้าไปได้  ตนจึงเดินทางไปปกติ ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร  ยังมีภาพที่อีกฝ่ายพาตนขึ้นลิฟต์ไปคุยกันที่ห้องชั้น 21 แล้วทำไมจึงมาพูดว่าในห้องมีเงินพันล้าน  จะกล่าวหาว่าตนจะไปปล้นหรือ ตนไม่สนใจเงินอยู่แล้ว

            นายสันธนะ ยังบอกด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการสร้างกระแสเท่านั้น ซึ่งตนก็พร้อมจะส่งกระแสกลับไปเต็มที่ และจะตามตรวจสอบทุกประเด็น   นายสันธนะยังทำท่าอ้าแขนรับ บอกว่าเป็นท่ารับการถล่มของโซเชียล

             ส่วนกรณีของนายชูวิทย์ที่เปิดเผยข้อมูลของกลุ่มทุนจีนสีเทา  นายสันธนะ ระบุว่า ตนต้องการชี้แจงกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าหากจะไล่จับกุม ก็ทำไปไม่ว่าอะไร แต่อย่าไปให้นายชูวิทย์มาเป็นผู้บัญชาการแทน  เพราะข้อมูลที่นายชูวิทย์นำมาเปิดเผยนั้น มีอดีตคนสีกากีจัดเตรียมมาให้  เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้เป็นช่องทางในการตบทรัพย์กลุ่มคนจีน และขอชี้แจงว่า  คนจีนเข้ามาทำธุรกิจ  ก็ต้องมีโอกาสรวย และเมื่อมีเงินก็ต้องการซื้อทรัพย์สินเพื่อความสะดวกสบายแค่นั้น  และหลังจากนี้ หากคนจีนจะไม่มาลงทุนที่ไทยแล้ว ก็ต้องยอมรับกัน