ไม่รู้เอาส่วนไหนคิด! ผู้ประกอบการซัด เปิดผับตี 4 แต่ห้ามขายเหล้า ย้อนแย้ง

ผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร บ่นอุบเอาส่วนไหนคิด หลังมหาดไทยให้เปิดผับตี 4 แต่งดขายเหล้า ชี้เปิดไปไม่มีประโยชน์

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร แสดงความผิดหวังกับแนวคิดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ให้ขยายเวลาปิดสถานบันเทิง สถานบริการในจังหวัดนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต และเชียงใหม่ แต่ไม่ได้ขยายเวลาให้ดื่มสุรามากขึ้น เพียงเปิดให้คุยต่อได้นั้น โดยกล่าวว่า เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผล และขัดแย้งกับแนวทางกระตุ้น ภาคการท่องเที่ยว เพื่อดึงเม็ดเงินเข้าระบบ โดยเฉพาะจากชาวต่างชาติ ซึ่งพฤติกรรมการบริโภค จะไม่เหมือนคนไทย เพราะจะสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นแก้ว ไม่ได้สั่งเปิดขวด เพื่อตุนไว้แล้วใช้เวลาในการนั่งคุยต่อจนถึงตี 4 หากผู้ประกอบการไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขยายเวลา อีกทั้งขัดแย้งกับแนวคิดของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งท่านกล่าวเองว่า การออกกฎขยายเวลาให้สถานบันเทิง เปิดได้ถึงตี 4 เป็นการดึงเม็ดเงินขึ้นมาเข้าสู่ระบบ ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมา สถานประกอบการสถานบันเทิงหลายแห่ง ยอมจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเปิดเกินเวลา ซึ่งก็รับรู้กันอยู่แล้ว การประกาศ ขยายเวลาและปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฏหมายจะทำให้เม็ดเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผู้ประกอบการไม่ต้องไปเสียต้นทุนแฝงเช่นที่ผ่านมา

“ไม่เมคเซนส์เลย มันย้อนแย้งมากนโยบายนี้ ผมเชื่อว่ารู้อยู่แล้วว่าเราขายกันอยู่แล้ว เราปิดกันตี 2 ตี 3 นายกฯ ก็พูดเองว่าเพื่อให้ทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ ให้มันถูกต้อง ที่ผ่านมาเราหลับตากันตั้งนาน ทำไมไม่ทำให้ถูกต้อง นโยบายเราจะรีดเงินออกจากกระเป๋านักท่องเที่ยว จะรีดเงินยังไง เที่ยงคืนเราก็ขายจบแล้ว เขาจะอยู่ต่อทำไม นักท่องเที่ยวเขาไม่เปิดขวดเหมือนคนไทย เขาดื่มเป็นแก้ว เขาจะนั่งไปสั่งไป ไม่รู้เอาส่วนไหนคิด” นายสง่ากล่าว

นอกจากนี้ระบุว่าที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยเชิญผู้ประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงเข้าไปหารือเพื่อรับฟังความคิดเห็น ก่อนที่จะกำหนดแนวทางนโยบาย มาถึงขั้นนี้คงไม่คิดที่จะทำหนังสือ เพื่อเสนอถึงรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะเชื่อว่าหลังแนวคิดนี้ออกมาคงมีหลายภาคส่วนโดยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องได้สะท้อนไปถึงท่านแล้ว

ก่อนหน้านี้นายสง่าได้เสนอแนวทางปฏิบัติ ควบคู่มาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ให้เปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 ว่า ต้องมีกฎหมายควบคุมควร ไม่ให้กระทบชุมชน เช่น เรื่องเสียง ที่จอดรถ เป็นต้น ควรให้เฉพาะสถานบันเทิงแบบปิด กันเสียงกระทบชาวบ้าน มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจถูกต้อง ทางภาครัฐต้องลงมากำกับดูแล โดยเสนอให้กำหนดโซนนิ่งและระยะเวลาเพื่อทดลองมาตรการ เน้นโซนที่รับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เช่น ถนนข้าวสาร ซอยคาวบอย และประเมินผลดีผลเสีย ก่อนขับเคลื่อนมาตรการต่อไป เชื่อว่าจะช่วยสร้างเม็ดเงินกระตุ้นการท่องเที่ยวได้