เลือกตั้งและการเมือง

‘สุเทพ’ เข้าสอบปากคำคดีทุจริตก่อสร้างโรงพัก ยันบริสุทธิ์ ลั่นรอดูให้ตอนจบ

โดย JitrarutP

17 ก.พ. 2565

42 views

“สุเทพ” เข้าสอบปากคำไต่สวนนัดแรก ข้อกล่าวหา คดีทุจริตก่อสร้างโรงพัก ยันบริสุทธิ์ สบายใจหลังทุกข์ทรมานสังคมมองทุจริต มั่นใจ เชื่อคดีจบในปีนี้ และ ผลพิพากษาจะออกมาถูกใจ



นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เดินทางมาศาลฎีฎา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อสอบปากคำให้การนัดแรกคดี กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีอนุมัติเปลี่ยนเเปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างโครงการสร้างโรงพักทดเเทน 396 เเห่ง พร้อมจำเลยรวม 6 คน ที่ ปปช. ยื่นฟ้อง



โดยนายสุเทพ เปิดเผยก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้ชี้แจง ข้อกล่าวหาในประเด็นดังกล่าว หลังถูกสังคมมองว่ามีความผิด ถูก ปปช. ฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ความจริงคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่การไต่สวนยาวนานถึง 6 ปี และอัยการสูงสุดก็สั่งไม่ฟ้องพร้อมส่งสำนวนคืนให้กับ ป.ป.ช. แต่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง สำหรับการไต่ศาลนัดแรก จะยื่นคำให้การเป็นเอกสารโดยย่อ จำนวน 31 หน้า เพื่อแสดงให้เห็นแนวทางการต่อสู้คดี และคิดว่าหลังจากวันนี้ คดีจะไม่ยึดเยื้อแล้ว โดยอาจจะใช้เวลา 1-3 เดือน คาดว่าน่าจะจบภายในปี นี้ และวันนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะทุกข์ทรมานมาหลายปี จะได้ยุติเสียที



นายสุเทพ ยังเปิดเผยแนวทางการต่อสู้ โดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิด เพราะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีไม่มีเรื่องการกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นเรื่องของหัวหน้าส่วนราชการในยุคนั้น ที่จะจัดซื้อจัดจ้างโดยแบ่งเป็นภาค ซึ่งตนเองก็เห็นว่าเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่ดีที่สุด โดยพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้นเสนอมาตนเองก็ให้ความเห็นชอบ

ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ขอตั้งงบประมาณ หลังจากนั้นต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งงบประมาณแทนที่จะทำเป็น 9 โครงการ แต่กลับทำเป็นสัญญาเดียว และต่อมาเมื่อพลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แย้งว่า สัญญาดังกล่าวทำไม่ได้ เพราะเข้าข่ายแบ่งซื้อแบ่งจ้างผิดกฎหมาย เนื่องจาก พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ออกแล้ว จึงเสนอว่าวิธีการที่ตนเองเห็นชอบขณะนั้น ต้องยกเลิกเปลี่ยนมาเป็นสัญญาเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบ พรบ. งบประมาณ พบว่า ทำเป็นสัญญาเดียว


จึงมีการอนุมัติตามที่ขอมา จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขัน 5 ราย ผู้ชนะการประมูล เสนอต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท และต่อมา พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนต่อมา ได้ทำเรื่องเสนอ และยืนยันดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพัสดุด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้เซ็นลงนามตามเสนอมา


จากนั้นตนเองก็พ้นจากตำแหน่ง และต่อมามีการขยายเวลาก่อสร้างอีก 270 วัน และต่อมานายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำเรื่องนี้มาโจมตีหวังผลทางการเมืองช่วยพลตำรวจเอกพงศพัฒน์ พงษ์เจริญ หาเสียงในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งตนเองก็ได้ยื่นฟ้องนายธาริต จนนำไปสู่การตัดสินจำคุก และนายธาริต ก็นำเรื่องนี้ไปยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช. แต่ทางป.ป.ช.ไม่รับฟังพยานบุคคลที่รู้ข้อเท็จจริง เช่น เลขาธิการ และรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ซึ่งตนจะนำบุคคลเหล่านี้มาซักค้านในการต่อสู้คดีนี้ด้วย เพราะอำนาจศาลฎีกาสามารถ เรียกพยานบุคคลและเอกสาร มาให้ปากคำได้ ส่วนหากชนะคดี จะฟ้องกลับ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น อยากให้รอดูตอนจบ รับรองพวกเราจะชอบใจ

คุณอาจสนใจ

Related News