เลือกตั้งและการเมือง
แผนโอนย้าย บก.ปทส. ให้ไปขึ้นกับ ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดย attayuth_b
16 เม.ย. 2567
693 views
การปฏิรูปตำรวจตามโครงสร้าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มีแนวคิด จะโอนตำรวจปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ไปขึ้นกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อจะได้ร่วมแก้ปัญหาผู้กระทำผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมและมลพิษทั่วประเทศ ที่มีอยู่จำนวนมากอย่างจริงจัง เบื้องต้นทางผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกว่า ยังไม่มีความพร้อมรับภารกิจงานด้านการสอบสวน
สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ได้เข้าตรวจค้นกากแคดเมียม ที่ลักลอบนำเข้าประเทศกว่าหมื่นตัน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ กระทั่งนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดีกับชาวจีน และชาวไทยที่ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต
อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ได้ร่วมจับกุม ผู้บริหารบริษัทเอกอุทัย ที่นำสารเคมีอันตราย ที่นำไปเข้าสู่ระบบการกำจัดที่ถูกต้อง แต่กลับนำไปฝังกลบในหลายพื้นที่ โดยไม่ผ่านการบำบัด ส่งผลกระทบต่อดินและน้ำ ที่จะไหลลงสู่พื้นที่สาธารณะส่วนรวม
ตัวอย่างคดีด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจ ปทส.จะต้องเป็นฝ่ายรวบรวมสำนวน ออกหมายจับ สืบสวนผู้กระทำผิด สอบสวนถึงผู้เกี่ยวข้อง แต่ พรบ.ตำรวจแห่งชาติ ระบุไว้ใน ม.165 ว่าภายใน 2ปี จะต้องมีการยุบหน่วย หรือเปลี่ยนแปลงหน่วย
โดยที่ผ่านมามีการประชุมระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติหลายครั้ง มีทั้งการเสนอให้โอนถ่ายงานให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯรับไปทั้งหมดทั้งงานป้องกัน ปราบปราม จับกุม โดยงานสอบสวนให้เป็นหน้าที่ของตำรวจท้องที่รับคดีและยุบหน่วย ตำรวจ ปทส.ไป
ล่าสุด เมื่อ 2 วันก่อน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ พล.ต.ท อภิรัติ นิยมการ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมควบคุมมลพิษ ประชุมเพื่อร่วมมือการปฏิบัติงานระหว่าง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยการถ่ายโอนภารกิจ ของ ตำรวจ ปทส. ให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯหลังจาก
คณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ กตร.มีมติให้ถ่ายโอนภารกิจทั้งหมดของตำรวจ ปทส.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติรับไป โดยผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯยืนยันว่า ยังไม่มีความพร้อมรับภารกิจงานด้าน "การสอบสวน" มาดำเนินการ เนื่องจากทางตำรวจ.ปทส. มีเจ้าหน้าที่ชำนาญเฉพาะทาง มีศักยภาพด้านการสืบสวนและสอบสวนมากกว่า อีกทั้งส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดในคดีสิ่งแวดล้อม ทำผิดในหลายท้องที่ หากให้ตำรวจท้องที่เป็นผู้ทำคดีก็ไม่สามารถไปตรวจสอบในต่างพื้นที่ได้ จำเป็นต้องใช้ตำรวจส่วนกลางจะคล่องตัวกว่า
อีกทั้งขณะนี้เป็นทีทราบดีว่ามีปัญหามลพิษทางอากาศ PM 2.5 ทางตำรวจ ปทส.ได้ดำเนินคดี หากเกิดการเผาป่า ส่วนคดีขยะมลพิษ หรือโรงงานปล่อยน้ำเสีย เป็นเรื่องที่ประชาชนร้องเรียนมากที่สุด
ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางระบุว่า จากหน้างานของ ตำรวจปราบปรามกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีงานที่รับผิดชอบทั้งสัตว์ป่า บุกรุกป่า ขยะ สารเคมี มลพิษ ซึ่งเป็นงานที่สำคัญ ส่งผลต่อประชาชนมาก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบหรือเปลี่ยนแปลง หน่วยบก.ปทส. ให้สอดคล้องแล้วเสร็จภายในกลาง ปีนี้ เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดที่จะครบวันที่ 17 ต.ค.นี้. ซึ่งแนวโน้มถ้าหากมีการยุบหน่วย ก็จะส่งกระทบต่อปัญหาที่กำลังมีมากขึ้น