เลือกตั้งและการเมือง

“สุชาติ” มั่นใจคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ยินดีให้ตรวจสอบปม ซื้อตึก SKYY9 อยากชี้แจงอยู่แล้ว

26 ก.ย. 2568

101 views

“สุชาติ” เข้ากระทรวงทรัพยากร ย้ำไม่หนักใจเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี เผยชวน “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ร่วมคณะทำงาน ยินดีหากถูกตรวจสอบปมค้ามนุษย์-ซื้อตึก SKYY9 อยากชี้แจงกับสังคมอยู่แล้ว ถอนฟ้องทั้งหมดคนโพสต์โจมตี มั่นใจมีคุณสมบัติครบถ้วนในการดำรงตำแหน่ง

วันที่ 26 ก.ย.2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวภายหลังการเข้าทำงานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นวันแรก ว่าการทำงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนเองได้ชวนนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติมาเป็นคณะทำงานของตนเองด้วย ถ้ามีความรู้ความสามารถก็ให้ทำงานได้เต็มที่ แต่ต้องอยู่ในกรอบระเบียบ อะไรที่ผิดต้องว่าไปตามผิด อะไรที่ถูกต้องก็อย่ารังแกกัน ตนเองเปิดกว้างถ้าใครอยากทำงานมาทำงานได้เลย

เพราะต้องยอมรับว่านายชัยวัฒน์เป็นคนมีความสามารถ ถือว่านายชัยวัฒน์เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่นกัน แต่ในเรื่องความขัดแย้งต่างๆ ตนเองไม่เกี่ยวอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนั้น ตนเองแค่อยากได้คนที่ทำงาน ขอให้สบายใจ นอกจากนั้นจะขอความร่วมมือกลุ่ม NGO และอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะขอให้เข้ามาช่วยกันทำงานด้วย

สำหรับประเด็นที่หลายคนตั้งคำถาม เกี่ยวกับคุณสมบัติของตนเองในการเป็นรัฐมนตรีนั้น โดยเฉพาะข้อกล่าวหาเรื่องการค้ามนุษย์ สมัยที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนั้น ในเรื่องนี้ตนเองอยากจะให้ถาม เพราะตนเองอยากชี้แจง เพราะเรื่องนี้ในสมัยที่ตนเองเป้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนั้น ตนเองได้เดินทางไปพร้อมกับปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ไปพบฑูตไทยประจำฟินแลนด์ และไปพบรัฐมนตรีว่าการกระทรงแรงงานของฟินแลนด์ ว่าออกวีซ่าให้แรงงานไทย เป็น “วีซ่า เวอร์เพอมิส” (Work Permit) ได้หรือไม่ อย่าออกเป็น วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เพราะกฎหมายของฟินแลนด์อ่อนไหวมาก เช่น คนทำงานเกิน 8 ชั่วโมงถือว่าทารุณ ทำห้องให้พักเกิน 10 คนถือว่าค้ามนุษย์ ซึ่งในฟินแลนด์กฎหมายอ่อนไหวมากๆแต่ประเทศของเขาไม่ยอมให้วีซ่าวีซ่า เวอร์เพอมิส กับแรงงานไทย

สิ่งที่คนไทยโดนคดีค้ามนุษย์นั้น เรื่องจากมีแรงงานไปทำงาน 4,000 คน แต่มีปัญหา 60 คน เมื่อตรวจสอบข้อมุลเชิงลึกพบว่า แรงงานที่มีปัญหาทำสัญญาให้ไปเก็บสตรอเบอรี่ แต่ไปทำงานเก็บผลไม้ป่า ซึ่งเป็นการผิดสัญญา จนถูกดำเนินคดี

ในส่วนของข้อหาค้ามนุษย์นั้น ข้าราชการมีแต่ทำงานเพื่อปกป้องการค้ามนุษย์ ในเรื่องนี้ตนเองได้ออกระเบียบทั้ง 18 ข้อ ให้ผู้ที่พาแรงงานไปทำงาน นำเงิน 30,240 ไปไว้ที่ ธ.ก.ส.ทุกคน ถ้าแรงงานกลับมาทุกคนจะต้องไม่เป็นหนี้และมีรายได้ไม่ต่ำกว่านี้ จะต้องไม่เป็นหนี้ เราต้องดูข้อมูล 2 ด้าน บางคนไปทำงานเป็น 10 ปี ถ้าเป็นการค้ามนุษย์จริงแล้วเขาจะไปทำไม เราต้องฟังข้อมูล 2 ด้าน ถ้ามีการค้ามนุษย์จริง คนไปทำงานตั้ง 4,000 คน ทำไมมีปัญหาแค่ 60 คน เพราะบางครั้งคนที่มีปัญหา บางคนไปแล้วไม่ได้เงินตามต้องการ หรือไปแล้วไปเก็บในแหล่งที่ไม่ถูก คนที่ไปจะรู้ว่า แหล่งไหนออกเยอะออกน้อย เนื่องจากที่ฟินแลนด์มีเจ้าของจริง แต่ถ้ามีผลไม้สามารถเก็บได้ไม่ผิดกฎหมาย

สาเหตุที่บางคนทำงาน 8 ชั่วโมง เนื่องจากที่ฟินแลนด์มันมืดช้า ห้าทุ่มเที่ยงคืนยังไม่มืด และการเก็บผลไม้ เขาเก็บกันเป็นกิโลกรัม ดังนั้นคนไทยจึงต้องการเก็บเยอะ เพราะผลไม้ชั่งเป็นกิโลกรัมขาย บางคนไปก็อยู่เป้นครองครัว ผูกเปลนอนไม่ได้อยู่ในป่ารก เป็นป่าเตียน บางคนไปแล้วก็นอนดูกวาง เขาก็มีความสุขดีเก็บมากได้มากเก็บน้อยได้น้อย

เมื่อมีปัญหาการค้ามนุษย์ ล่าสุดทางการฟินแลนด์ได้ออกเป็นวีซ่า เวอร์เพอมิส ให้ใหม่แล้ว จริงๆ แล้วการไปตรวจที่พักของแรงงาน และการบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของทางการฟินแลนด์ ส่วนการทางการไทย หรือ กระทรวงแรงงาน มีหน้าที่ไม่ให้เขาโกงกัน สำหรับเรื่องค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้น เกินขึ้นหลังจากที่ตนเองเพิ่งพ้นจากตำแหน่ง เป็นเรื่องนอกราชอาราจักร ซึ่งอัยการสูงสุด และดีเอสไอ เขามาทำคดีร่วมกับเจ้าหน้าที่จากฟินแลนด์ ผลสรุปล่าสุด อัยการสูงสุดเพิ่งจะออกหนังสือมาเมื่อ 6 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของ ผู้ต้องหาที่พาไป ทางข้าราชการกระทรวงแรงงานไม่เกี่ยว เพราะอัยการสูงสุดลงมาทำคดีนี้เอง

ส่วนประเด็นที่ตนเองถูกนำไปกล่าวหาใน ป.ป.ช.นั้น ล่าสุดมติยกข้อกล่าวหาทั้งหมดแล้ว เพราะตนองไม่ได้เกี่ยวข้อง ถ้าตนเองมีคดีหรือเกี่ยวข้อง คุณสมบัติของตนเองไม่ผ่านการตรวจสอบของ 15 หน่วยงานมาได้ เพราะตนเองผ่านเป็นคนแรกๆ ของคณะรัฐมนตรีที่ส่งรายชื่อไป เพราะตนเองไม่มีคดีความผิดอะไรเลย แต่ตนเองไม่อยากไปฟ้องร้องอะไรใครแล้ว ให้ประชาชนเห็นความจริงและเป็นคนตัดสินจะดีกว่า

เช่นเดียวกับเรื่องการซื้อขายตึก SKYY9 ของสำนักงานประกันสังคม ที่เป็นเรื่องของระบบบอร์ดบริหาร ซึ่งตนเองไม่มีอำนาจไปสั่งการบอร์ดเหล่านั้นได้ เพราะบอร์ดประกันสังคมการลงทุนในบริษัทเอกชนต่างๆ ซึ่งรัฐมนตรีก็ไม่รู้เรื่อง ถ้ารัฐมนตรีไปรู้ไปยุ่งเรื่องการลงทุนของประกันสังคม ก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะประกันสังคมลงทุนปีละ 2 ล้านล้าน ประกันสังคมมีรายได้จากการลงทุนปีละ 7 หมื่นล้าน ถ้าไม่มีการลงทุน และบอร์ดลงทุนของประกันสังคมไม่กล้าลงทุน 2.6 ล้านล้าน จะไปฝากไว้ที่ธนาคารไหน ดอกเบี้ยแค่ 0.70 สตางค์ – 1 บาท ยังไม่เพียงพอจ่ายค่าสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ที่ทุกวันนี้กองทุนประกันสังคมอยู่ได้ เพราะได้เงินส่วนหนึ่งจากการลงทุน นอกเหนือจากผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาลสมทบ

แต่วันนี้จะไม่มีการลงทุนแล้ว เพราะไม่มีใครกล้ามาเป็นบอร์ดลงทุนของสำนักงานประกันสังคม สิ่งที่คนพูดกัยสนุก แต่ส่งผลกระทบกับกองทุนประกันสังคมมหาศาล เพราะการลงทุนแต่ละอย่าง บอร์ดมีความเสี่ยงที่ภาคส่วนต่างๆ ที่มีความเชี่ยวชาญ การลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก เพราะลงทุนมากถึง 2 ล้านล้าน

สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานทำได้ในการลงทุน ทำได้เพียงให้ลงทุนตามนโยบาย พรบ.ที่กำหนด เช่น ลงทุนสินทรัพย์ไม่มีความเสี่ยงเลย ร้อยละ 60 คือการฝากธนาคาร ส่วนอีกร้อยละ 40 ลงทุนในความเสี่ยงได้ แต่ต้องเป็นความเสี่ยงต่ำ

ทั้งนี้ตนเองโดนโจมตีเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี 2-3 เรื่อง ตนเองยอมรับการตรวจสอบ เพราะเป็นสาธารณะตรวจสอบได้ แต่ขอให้ตรวจสอบบนพื้นฐานความจริง ชาวบ้านหรือคนที่โพสต์โจมตีตนเองเรื่องการซื้อตึก SKYY9 ตนเองถอนฟ้องให้ทั้งหมด ถ้าเรามาขอโทษ และมาฟังตนเองชี้แจงข้อเท็จจริง การกล่าวหาว่าตนเองเอาคนหน้าห้องทำงานไปเป็นบอร์ด แต่ในความจริงมันเป็นไปไม่ได้ แต่บังเอิญชื่อเล่นคนหน้าห้องกับบอร์ดตัวจริง ดันชื่อเล่นตรงกัน แต่คนที่เป็นบอร์ดไม่ใช่ลูกน้องตนเอง

การได้มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนเองรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สิ่งที่ตนเองได้รับมอบหมายให้มาดู จะดู พรบ.อากาศสะอาดแห่งชาติ และ พรบ.ป่าไม้แห่งชาติ ขณะเดียวกันตนเองเป้นรองนายฯกำกับดูแลกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย ทำให้การประสานงานการทำงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงอุตสาหกรรมทำงานได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นขอให้สื่อมวลชนติดตามการทำงาน ส่วนการจะอภิปรายซักถามในสภาเรื่องคุณสมบัติของตนเองนั้น ขอให้เอาให้เต็มที่ขอให้ถามให้เต็มที่ เพราะตนเองก็อยากชี้แจงเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่อยากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเท่าไรนัก เนื่องจากตนเองคิดว่าอยากพูดอยากตอบคำถามในสภาฯมากกว่า

นายสุชาติ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า เวลา 4 เดือนกับการทำงานมันถือว่น้อยมาก ถ้าเป็นไปได้เลือกตั้งครั้งหน้า ถ้ามีโอกาสอยากกลับมาทำงานที่กระทรวงทรัพย์ฯ เพราะเป็นงานที่ชอบ และคิดว่าถ้าอยู่นานจะทำงานได้เยอะ และทำอะไรได้มาก

คุณอาจสนใจ

Related News