หาเสียงโค้งสุดท้ายเข้มข้น - 'ธนาธร' ร่วมปราศัยใหญ่หนุน 'วิโรจน์' เป็นผู้ว่าฯกทม.

โค้งสุดท้ายเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีการหาเสียงเข้มข้น พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศัยใหญ่ที่วงเวียนใหญ่ โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หวนคือเวทีปราศัย ทวงคืนความฝันแบบอนาคตใหม่ ให้เริ่มต้นที่กรุงเทพ



พรรคก้าวไกล เปิดเวทีปราศัยใหญ่ ช่วงโค้งสุดท้าย แท็กทีม คณะก้าวหน้า นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นางสาวพรรณิการ์ วาณิช ปราศัยสนับสนุน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 1 และ ส.ก.พรรคก้าวไกล ทั้ง 50 เขต



โดยนายธนาธร ประกาศ 3 เหตุผลที่คนกรุงเทพต้องเลือก วิโรจน์ เพราะไม่ใช่เป็นเพียง ส.ส.ที่มีผลงานตรวจสอบเป็นที่ประจักษ์แล้ว ยังเป็นอดีตนักบริหารที่ประสปกความสำเร็จ จากบริษัทหนังสือชั้นน้ำมากว่า 20 ปี และริ่เริ่มโครงการให้ผู้สูงอายุทำงาน และยังเป็นนักอุดมการณ์ ที่พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพ โดยเฉพาะจะใช้งบประมาณ 8 พันล้านบาท มาเป็นสวัสดิการ และลดความเหลื่อมล้ำให้คนกรุงเทพ



ขณะที่ นายวิโรจน์ ย้ำว่า กทม.ต้องใช้ยาแรง ที่ต้องสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นจริง แม้กระทั่งการเก็บขยะ และ การปฏิรูประบบรายได้และภาษี เช่น ภาษีป้าย ธุรกิจ Billboard หลายหมื่นล้าน แต่เข้าระบบเพียงแค่ 30% และมีผู้จ่ายภาษีป้ายแค่ 3,000 กว่าราย จึงจำเป็นต้องจัดระบบงบประมาณให้เกิดประโยชน์



นอกจากนี้ยังมี นางสาวพรรณิการณ์ วาณิข ที่ย้ำว่า การเลือกตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม ต้องทำให้กรุงเทพเกิดการเปลี่ยนแปลง เหมือนเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562



ขณะที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศัยใหญ่ครั้งแรก ก็กล่าวย้ำด้วยว่าผู้ว่า กทม. ที่จะเป็น 'ยาแรง' ให้กับประชาชนได้นั้น ต้องมี 3 คุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ หนึ่งต้องเป็น ผู้ว่าฯ ที่ 'กล้าแก้กติกา' 'แท็กทีมได้' และ 'มองทั้งประเทศ' รวมถึงกล้าเปลี่ยนกลไกของกรุงเทพมหานคร



ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ย้ำว่า ส.ก.มีความสำคัญเหมือน ส.ส.ที่ต้องตรวจสอบ ซึ่ง ส.ก.พรรคก้าวไกล มีพันธุ์พิเศษ ที่จะเปิดประวัติศาตร์หน้าใหม่ของคนกรุงเทพ เช่นให้มีการถ่ายทอดสดการประชุม สภากรุงเทพมหานครเพื่อความโปร่งใส



ขณะที่นาย สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 ควงภรรยา นางสวิตา สุวรรณสวัสดิ์ ร่วมกับ ผู้สมัคร สก. เขตลาดพร้าว นายธนิตศักดิ์ ดารามั่น เบอร์ 4 ลงพื้นที่หาเสียง ย่านตลาดอมรพันธุ์ ย้ำถึงการหาเสียงโค้งสุดท้ายที่ต้องนำเสนอนโยบาย โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมการบริหารจัดการหลังวิกฤตการณ์โควิด ที่จะจัดทำแผนรับมือภัยพิบัติ โรคระบาดฉุกเฉิน โดยมีแนวทาง 4 อย่าง การปรับหลักสูตร และระบบการศึกษา การเยียวยาผู้ประกอบการ และ ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ผลักดัน 50 เทศกาลของกรุงเทพให้กลับมาสร้างรายได้ด้วย



น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่เขตคลองเตยอีกครั้ง ในฐานะอดีต ส.ส.ที่ยืนยันว่า เปรียบเหมือนบ้านเกิด และย้ำนโยบายพรรคไทยสร้างไทยที่ต้องการปลดปล่อยประชาชนให้หลุดพ้น โดยเฉพาะการปลดล็อกกฏหมายที่เป็นอุปสรรคกับการทำมาหากิน และไม่ท้อที่ผลโพลยังตามผู้สมัครรายอื่น