ตร.รวบหนุ่มทาสยา ขืนใจเด็กพิเศษวัย 12 จนท้อง อ้างยั่ว-สมยอมเอง

ตำรวจรวบหนุ่มเสพยา ข่มขืนนักเรีบนหญิง ป.6 จนตั้งท้องและแท้ง อ้างทำสองครั้งในห้องนอนตัวเองตอนกลางวัน เพราะเด็กยั่วและสมยอมไม่ได่ขัดขืน

วันนี้ (14 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในชุมชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ให้ติดตามความคืบหน้ากรณีที่ ชายชื่อนายเอ (นามสมุติ) อายุ 30 ปี เป็นคนในชุมชนข่มขืนเด็กหญิงน้อย (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นป.6 จนตั้งครรภ์และแท้งลูก เหตุเกิดตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา ขณะนี้คนก่อเหตุยังลอยนวลอยู่ในชุมชน ชาวบ้านเกรงว่าจะก่อเหตุซ้ำกับเด็กในชุมชน เพราะชายรายดังกล่าว ประพฤติไม่ดี และติดยาเสพติด


ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ไปพบกับประธานชุมชนที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ กล่าวว่า ชาวบ้านในชุมชนเพิ่งทราบเรื่องเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ว่านายแบงค์ข่มขืนนักเรียน ป.6 จนตั้งครรภ์และแท้ง จึงไปดูที่บ้านพักของเด็กปรากฏว่าไม่มีคนอยู่บ้าน ซึ่งทราบจากคนบ้านใกล้เรือนเคียงว่า ญาติมารับเมื่อเดือนมิถุนายน ไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด จึงได้โทรศัพท์สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับยายของเด็กหญิงรายดังกล่าว ทราบว่า หลานสาวถูกนายแบงค์ข่มขืนจริง เหตุเกิดในบ้านของนายแบงค์ ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนเมษายน

ขณะหลานสาวเดินเล่นในชุมชน ก็เจอนายแบงค์นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถืออยู่ในบ้านพัก หลานจึงเดินเข้าไปหาและขอเล่นเกมส์ด้วย นายแบงค์ให้เล่นโทรศัพท์และทำการข่มขืนหลานสาวในบ้าน จากนั้นก็เกิดขึ้นอีก 4-5 ครั้ง โดยที่หลานสาวไม่บอกยาย


ยายมาทราบเรื่องในช่วงปลายเดือนเมษายน เพราะหลานสาวมีอาการเลือดออก คิดว่าหลานเป็นประจำเดือน แต่เลือดออกเยอะ เหมือนคนตกเลือด ยายจึงพาหลานไปส่งโรงพยาบาล จึงรู้ว่าหลานสาวท้องและตกเลือดเพราะอาการแท้งลูก และหลานสาวก็เล่ารายละเอียดให้ยายฟัง ยายจึงพาหลานเข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านไผ่ แต่ยายก็ต้องปิดบังทุกคนในชุมชน เพราะกลัวเสียชื่อเสียงของหลานและครอบครัว กลัวหลานมีปมด้อย จนญาติทราบเรื่อง จึงมารับไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด และจะเดินทางกลับมาให้ปากคำกับตำรวจในวันที่ 14 ก.ค.นี้


ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามยายสวย (นามสมมุติ) อายุ 58 ปี ยายของนักเรียน ป.6 ทางโทรศัพท์ ยายเปิดเผยว่า พ่อแม่ของหลานสาวแยกทางกันและหายตัวไป ไม่กลับมาเลี้ยงลูก ยายจึงเลี้ยงหลานคนเดียว รวม 3 คน ด.ญ.น้อยเป็นพี่คนโตกับน้องอีก 2 คน โดยเด็กหญิงน้อย เรียนชั้น ป.6 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านไผ่ เด็กหญิงน้อยเป็นประจำเดือนตั้งแต่เรียนชั้น ป.4 และเป็นเด็กพิเศษ ไอคิวต่ำ แต่การใช้ชีวิตก็ไม่มีปัญหาอะไร

จนกระทั่งสังเกตได้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า หลานไม่เป็นประจำเดือนมา 2-3 เดือนแล้ว จึงซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ พบว่าหลานสาวตั้งครรภ์ จึงซักเอาความจริง จนทราบว่า หลานสาวถูกนายแบงค์ ชายขี้ยา ที่มีบ้านอยู่ใกล้กันในชุมชนเดียวกัน ข่มขืนมาตั้งแต่ปี 2566 จนถึงพฤษภาคมของปี 2567 และนายแบงค์ข่มขู่ห้ามบอกใคร ถ้ายายรู้จะฆ่าทิ้งทั้งบ้าน หลานสาวจึงไม่กล้าบอก จากนั้นไม่นานหลานสาวก็ตกเลือดและแท้งลูก จึงพาหลานไปพบแพทย์ และแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านไผ่ ให้จับกุมนายแบงค์มาดำเนินคดีตามกฎหมาย


ยาย เปิดเผยอีกว่า กลัวหลานมีปมด้อย จึงไม่บอกใคร แต่ได้คุยกับนายแบงค์แล้ว นายแบงค์ยอมรับว่าข่มขืนหลานสาวตนจริง 5 ครั้ง จึงแจ้งให้ญาติที่อยู่ต่างจังหวัดทราบเรื่อง ญาติจึงไปรับยายกับหลานที่บ้านพามาอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด โดยย้ายหลานสาวมาเรียนที่ต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องคดี ตำรวจให้เดินทางเข้าให้ปากคำในวันที่ 15 ก.ค. ที่จะถึงนี้ที่สภ.บ้านไผ่


ต่อมา 13.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.มนตรี สุปะตำ รองผกก.สืบสวน และ ร.ต.อ.ภิญโญ หงส์สอง สว.สืบสวนสภ.บ้านไผ่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บ้าน เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของนายแบงค์ พบนายแบงค์เสพยาเสพติดอยู่ในบ้าน จึงควบคุมตัวไปสอบสวน และดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย


กรณีที่ถูกยายของนักเรียนชั้น ป.6 แจ้งความดำเนินคดี เพราะข่มขืนหลานสาวที่กำลังเรียนชั้น ป.6 นั้น นายแบงค์ให้การรับวสารภาพว่า ยอมรับว่า ข่มขืนหลานสาวยายจริง แต่ไม่รู้ว่า ด.ญ.รายดังกล่าวท้อง และไม่รู้ว่ายายมาแจ้งความให้ตำรวจจับกุม เพราะเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยายเรียกไปคุยที่บ้าน ก็ยอมรับกับยายว่า ว่าข่มขืนหลานสาวยายจริงๆ ทำในห้องนอนภายในบ้านของตน เพราะไม่มีภรรยา โดยที่เด็กหญิงยั่วยวน และแก้ผ้าให้เอง และเด็กไม่ได้ขัดขืนแม้แต่น้อย จึงไม่รู้ว่ามีความผิดอะไร และไม่รู้ว่ายายแจ้งความจับ ซึ่งลงมือทำ 2 ครั้ง


หลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเด็กนั้นอยู่ในความดูแล หรืออยู่ในความปกครอง หรืออยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่น