สังคม

คนขับรถตู้เข้าพบ ตร. ปฏิเสธเสียงแข็ง ยันไม่ได้ขืนใจเด็กหญิงวัย 13

โดย panisa_p

6 พ.ย. 2566

152 views

คนขับรถตู้ เข้าพบตำรวจ สภ.แวงน้อย แล้ว ยืนยันไม่ได้ข่มขืนเด็กหญิง 13 ปี ขณะที่ตำรวจส่งตัวคนขับพร้อมรถตู้ ไปตรวจสอบ และเก็บดีเอ็นเอ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 4



กรณีย่าวัย 63 ปี ร้องสื่อหลังส่งหลานสาวอายุ 13 ปี ไปหาพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ ช่วงปิดเทอม โดยใช้บริการรถตู้โดยสาร ที่พ่อเด็กเป็นคนติดต่อนัดให้มารับลูกสาวจากบ้านที่ อ.หนองแวง จ.ขอนแก่น ช่วงค่ำวันที่ 1 ตุลาคม ให้ไปส่งบ้านพ่อแม่ ที่ซอยวัดหงส์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งตามกำหนดต้องถึงตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 2 ตุลาคม แต่รถกลับมาส่งตอนเกือบเที่ยง โดยอ้างว่า มีทำทางรถติด



กระทั่งวันที่ 30 ตุลาคม พ่อส่งลูกสาวอายุ 13 ปี พร้อมลูกชายอายุ 16 ปี กลับขอนแก่น โดยเรียกรถตู้คันเดิมมารับช่วงค่ำ พอเด็กหญิงเห็นคนขับรถตู้ ก็ผวา ร้องไห้ไปกอดแม่ พ่อแม่เข้าใจว่า ลูกสาวคิดถึงพ่อแม่ ไม่อยากกลับ ปลอบใจแล้วส่งขึ้นรถตู้ โดยรถไปส่งถึงบ้านที่ขอนแก่น ตอน 9 โมงเช้า ของวันที่ 31 ตุลาคม ย่าบอกว่า หลานทั้ง 2 คน มีอาการผิดปกติไป



โดยเฉพาะหลานสาว มีอาการเหม่อลอย พฤติกรรมเปลี่ยนไป ตอนกลางคืนไม่ยอมนอน เอาแต่พนมมือ พูดพร่ำ เอ่ยชื่อคนขับรถตู้ "น้าเดช" ย่าจึงพยายามพูดคุย จนหลานสาวยอมเล่าให้ฟังว่า ขาไปกรุงเทพฯ คนขับรถตู้ตระเวนส่งคน จนเหลือหลานสาวคนเดียว น้าเดชได้นำน้ำมาให้ดื่ม แล้วข่มขืนหลานสาวในรถตู้ ขณะกำลังสะลึมสะลือ จนเลือดไหลเต็มเบาะ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว พบว่าตัวเองนอนในเบาะรถตู้ ซึ่งขับวนไปหลายที่ ก่อนพาไปส่งพ่อแม่ ซึ่งหลานไม่รู้ว่าวนไปที่ไหนบ้าง พร้อมนำคลิปที่ถ่ายไว้ ขณะนอนในรถตู้ให้ย่าดู



หลังจากนั้นหลานเหมือนคนมีอาการทางประสาท สติแตก โดยเฉพาะตอนที่เห็นภาพคนขับรถตู้ หลานสาวจะกรีดร้อง และบอกว่า "บักนี่มันเป็นปีศาจ" จึงโทรศัพท์บอกลูกชายและลูกสะไภ้ แล้วตัดสินใจเข้าแจ้งความที่ สภ.แวงน้อย ซึ่งตำรวจก็รับแจ้งความ พร้อมส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.แวงน้อย ผลตรวจเบื้องต้น ระบุว่า เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาด และเป็นแผลที่เกิดขึ้นนานแล้ว ส่วนอาการเหม่อลอยเหมือนเสียสตินั้น อาจเกิดจากการถูกวางยา จึงส่งตัวหลานสาวไปรักษาต่อที่ โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น นอกจากนี้ หลานชายที่นั่งรถตู้กลับมา ก็มีอาการหลอน ๆ ด้วย แต่ตอนนี้รักษาตัวเป็นปกติแล้ว



ส่วนลูกชายกับลูกสะใภ้ ก็ได้ไปแจ้งความที่ สน.บางกอกใหญ่ ที่กรุงเทพฯ เช่นกัน แต่คดีความไม่มีความคืบหน้าเลยทั้ง 2 ที่ตำรวจหนองแวงบอกว่า คดีเป็นของ สน.บางกอกใหญ่ ที่หนองแวงจะคอยสนับสนุน ขณะที่ สน.บางกอกใหญ่ บอกว่า เหตุไม่ได้เกิดที่บางกอกใหญ่ เพราะที่นี่ไม่มีวินรถตู้ เหตุน่าจะเกิดแถว ๆ พาต้า ซึ่งก็ต้องรอผู้เสียหายอาการดีก่อน แล้วค่อยเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งย่าก็บอกว่า ตอนนี้อาการหลานสาวก็ยังไม่ดีขึ้น หมอบอกว่า ต้องใช้เวลารักษาเป็นปี ส่วนตำรวจก็ไม่มีฝ่ายไหนมาสอบสวนหรือติดต่อมา และหากปล่อยไว้นาน กลัวคนก่อเหตุจะไหวตัวหลบหนี



ผู้สื่อข่าวไปที่บ้านคนขับรถตู้ เจอเพียงนางหนิง อายุ 53 ปี ภรรยาของคนขับรถตู้ บอกว่า หลังเห็นข่าวก็ตกใจ ตัวสามีเองก็เครียด ยืนยันว่า ไม่ได้ทำ เพราะหากเป็นเรื่องจริง ทำไมผู้เสียหาย ไม่แจ้งความตั้งวันที่ 1 ตุลาคม แต่เรื่องได้ผ่านมา 1 เดือน ถึงได้แจ้งความ ที่ผ่านมาทางครอบครัวเด็กหญิงวัย 13 ปี ได้เรียกใช้บริการสามีมาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยพ่อของเด็กหญิง จะเป็นคนที่โทรติดต่อมาให้ไปรับเดินทางไปกรุงเทพฯ ตนเองเชื่อใจสามี ไม่ได้ก่อเหตุจริงในครั้งนี้ใครจะไปกล้าทำแบบนั้น ตนก็ไม่เชื่อว่าสามีจะทำ สามีบอกอีกว่า ไม่ได้ไปส่งเด็กเป็นคนสุดท้าย หลังจากนี้จะดำเนินการตามกฎหมาย เอาผิดกับคนที่กล่าวหาสามี



ส่วนนายเดช คนขับรถตู้ ได้เข้าพบตำรวจ สภ.แวงน้อย เมื่อช่วงสาย พร้อมขับรถตู้ที่ใช้รับส่งผู้เสียหายมาด้วย หลังสอบปากคำเบื้องต้น ผู้กำกับการ สภ.แวงน้อย ได้ส่งนายเดช พร้อมรถตู้ ไปที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 4 เพื่อเก็บหลักฐาน และดีเอ็นเอของนายเดช ไปตรวจสอบ เบื้องต้นนายเดช ยืนยันเสียงแข็งกับผู้สื่อข่าว ว่า ไม่ได้ทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ที่มาพบตำรวจ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ตอนนี้ขอเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายก่อน ยังไม่พร้อมให้ข่าว



ขณะเดียวกันวันนี้ นายอำเภอแวงน้อย ผอ.รพ.แวงน้อย เจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เข้าเยี่ยมครอบครัว พร้อมให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น กับบ้านผู้เสียหาย โดยเฉพาะย่าของเด็ก ได้มีการส่งแพทย์มาดูแลสภาพจิตใจแล้ว ซึ่งย่าบอกว่า อยากให้หลานกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะหลานอายุยังน้อย ส่วนคนขับรถตู้ ก่อนเป็นข่าว ยังให้เมียโทรมาทวงค่ารถ แต่พอเป็นข่าวแล้วกลับติดต่อไม่ได้



ด้าน พลตำรวจโท สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พลตำรวจตรี อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น เข้าเยี่ยมสอบถามอาการของเด็กหญิง 13 ปี ที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น



จากนั้น พลตำรวจตรี อนุวัตร เผยความคืบหน้าทางคดี ว่า ได้สอบปากคำพ่อแม่เด็กแล้ว ส่วนการสอบปากคำเด็ก เบื้องต้นแพทย์บอกว่า สภาพจิตใจของเด็กยังไม่ดี และยังให้การอะไรไม่ได้ ส่วนคนขับรถตู้ ก็พยายามที่จะติดต่อเข้ามาคุยกับตำรวจ และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี ทั้งนี้ก็ต้องรอเด็กให้การได้ จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนได้



ขณะที่ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น เผยอาการล่าสุดของเด็กว่า เท่าที่สังเกตพบว่า เด็กยังมีความผิดปกติอยู่ ไม่ดีขึ้น และไม่พร้อมที่ให้ข้อมูล จากอาการเริ่มแรกย่าบอกว่า ซึมเศร้า ย่าจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน แพทย์ชุมชนเห็นความผิดปกติทางด้านจิตใจ จึงส่งต่อไปที่ สถาบันเด็กราชนครินทร์ จิตเวชเด็กและวัยรุ่น จ.ขอนแก่น ก่อนจะส่งมาตรวจร่างกายที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น ตอนนี้กำลังไล่ตรวจร่างกายว่ามีส่วนใดผิดปกติหรือไม่ โดยวันนี้ตรวจคลื่นสมอง เท่าที่ตรวจดูยังไม่พบปัญหาทางกาย ไข้สมองอักเสบก็ไม่พบ เหลือเพียง 1-2 รายการ ที่ยังไม่ได้ตรวจ ขณะเดียวกันได้มีศูนย์พึ่งได้ (OSCC) ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ความรุนแรง เข้ามาดูแลด้วย แต่ปัญหาตอนนี้คือเด็กยังไม่พร้อมให้ข้อมูล



ด้านนายปริญญา หัสดินทร์ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มวิชาการขนส่ง สำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดขอนแก่น ได้เดินทางมาตรวจสอบเอกสารของรถตู้คันที่ใช้ในวันเกิดเหตุ พบว่า เป็นรถตู้โตโยต้า ทะเบียน 33-8316 กรุงเทพมหานคร จดทะเบียนขอเป็นรถโดยสารไม่ประจำทางถูกต้องตาม พรบ.ขนส่งทางบก มีการต่อทะเบียนถึงปี 2567



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/vpt6I0GRFk0

คุณอาจสนใจ