สังคม

'บิ๊กต่าย' ยันยังไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ 'บิ๊กโจ๊ก' ชี้รอคกก.สอบวินัยก่อน

โดย panwilai_c

3 เม.ย. 2567

52 views

'บิ๊กต่าย' รักษาการ ผบ.ตร. เข้าพบ นายกรัฐมนตรี ปมบิ๊กโจ๊ก ยืนยันขณะนี้ยังไม่สั่งให้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้คณะกรรมการวินัยสอบก่อน ยันไม่ยื้อ-ไม่หนักใจ



พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาที่อาคารรัฐสภา เพื่อเข้าพบหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อมารายงานความคืบหน้าเรื่องของการสืบสวนปราบปราม



หนึ่งประเด็นที่หลายคนจับตา คือ กรณีของบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร ที่ถูกออกหมายจับ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ขณะนี้จำเป็นที่จะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ บอกว่า ทุกอย่างมีกระบวนการ ขั้นตอนที่จะพิจารณา และคำสั่งที่ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องปฎิบัติ



โดยวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี แต่ในคำสั่งระบุไว้ชัดเจนว่า การรับเงินเดือน เงินพิเศษ เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์ต่างๆให้รับจากต้นสังกัด เพราะฉะนั้น ตนเอง ยังเป็นผู้บังคับบัญชา ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตามกฎหมาย ดังนั้นการพิจารณาในเรื่องของวินัยเป็นหน้าที่ของตน ตามมาตรา 105 ของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565



ตามกระบวนการขั้นตอน จะต้องได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของนครบาล 1 ฉบับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมา และฉบับที่สอง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องรายงานตนต้องคดี ซึ่งมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน



เมื่อสองรายงานนี้มาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องรายงานมาที่กองคดีอาญา ไม่ได้ส่งตรงมาที่ตน จากนั้นเมื่อกองคดีอาญารวบรวมข้อมูลแล้ว จึงจะรายงานมาที่ตนเพื่อพิจารณาเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด



ขณะเดียวกัน กองวินัยจะต้องรายงานผลเช่นกัน โดยเอารายงานทั้งสอง ประกอบด้วย เหตุ พฤติการณ์ ความรุนแรงแห่งคดี นำมาประกอบการพิจารณาในฐานะฝ่ายอำนวยการให้รักษาการ ผบ.ตร.ได้พิจารณา ซึ่งการพิจารณาจะดูว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัยเกิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อกองวินัยได้ประมวลขึ้นมาว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัย ก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ก็คือตน ในการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฎ และให้โอกาสกับผู้ถูกสืบสวนข้อเท็จจริงได้ชี้แจง ซึ่งในขั้นตอนนี้ "จะยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องของการพักราชการ ออกราชการ หรือสำรองราชการไว้ก่อน" เพราะเป็นการปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร. ที่กำหนดไว้



และการสืบสวนของเท็จจริงของคณะกรรมการ จะต้องใช้ระดับไม่ต่ำกว่ายศของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งตรงนี้ตนต้องไปพิจารณาว่าจะมอบหมายให้ใคร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงกระบวนการดังกล่าว



หากการสืบสวนข้อเท็จจริงปรากฎเหตุออกมาว่า มีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ก็จะไปเข้าอีกบทบัญญัติหนึ่งของมาตรา 119 ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565ว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัยอีกระดับหนึ่ง



ซึ่งในขั้นตอนนั้นก็จะมีการใช้การพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขในกฎ ก.ตร. หรือไม่ เข้าองค์ประกอบที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตำรวจ ในมาตรา 112 หรือไม่ ตนเองจะไม่ใช้ดุลยพินิจที่นอกเหนือไปกว่านี้เลย ซึ่งจะมาประกอบการพิจารณา กับคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ว่าจะต้องให้พัก / ออก หรือสำรองหรือไม่ ซึ่งอยู่ที่ขั้นตอนนี้ และทั้งหมดนี้ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง



ส่วนกรณีที่ศาลออกหมายจับ จะต้องนำคำสั่งศาลมาประกอบการพิจารณาด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ทุกอย่างกองวินัยจะนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะมีกำหนดไว้เป็นข้อๆ ซึ่งยังถือว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคงต้องปฏิบัติราชการอยู่ตามปกติ นี่คือสิ่งที่เราต้องให้ความเสมอภาค และเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน



เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการจะเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่ายื้อ ทุกอย่างมีขั้นตอน กระบวนการที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่มียื้อ าต้องให้ความเสมอภาค เป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ท่านก็พูดว่าขณะนี้ท่านคือผู้บริสุทธิ์ ก็มีหน้าที่พิสูจน์ตัวเองไป ส่วนตนเป็นผู้บังคับบัญชา ก็เข้าสู่กระบวนการขั้นตอนกฎหมาย ระเบียบคำสั่ง



เมื่อถามว่ามีการมองว่าอยู่ดีๆ เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนขั้วมาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และมาเกิดเรื่องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะขั้วอำนาจเก่าไปแล้ว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ขอไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ดีกว่า จะมีข่าวสารอะไรมากระทบกับตัวตนเอง ขอไม่ตอบโต้ และไม่ยุ่ง ขอทำงานเดินหน้าให้เกิดความสงบร่มเย็นกับประชาชนเท่านั้น



ยืนยันว่าไม่มีอะไรหนักใจเลย อยากทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และผลสะท้อนกลับไปสู่ประชาชน ให้เกิดความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ลดความหวาดระแวง และจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นและศรัทธาโดยอัตโนมัติเอง



เมื่อถามว่าวันนี้ยิ่งถูกมองว่าองค์กรตำรวจขาดความศรัทธาจากประชาชน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ดูกันไปครับ เมื่อถามว่าสามารถกวาดบ้านของตัวเองได้หรือไม่ รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวว่า เป็นความมุ่งมั่นที่จะทำ และเมื่อถามว่าได้เจอกับบิ๊กโจ๊ก บ้างหรือยัง ก็บอกว่า ยังไม่เจอใครเลย


https://youtu.be/w1mfMSaFCUA

คุณอาจสนใจ

Related News