บันเทิง

‘จั๊กกะบุ๋ม’ ยันไม่เคยรู้ว่าติดหนี้ถึง 2.8 แสน ชี้เป็นการทำธุรกิจร่วมกัน หลังถูกแม่ค้าปูดองติดป้ายทวงเงิน

โดย paweena_c

1 เม.ย. 2567

452 views

แม่ค้าปูดองสุดทน! ติดป้ายไวนิลท้วงหนี้ตลกดัง ‘จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม’ เกือบ 3 แสนบาท สั่งทำปูดองไปขายไม่เคยจ่ายเงินแม้แต่สลึงเดียว ด้าน ‘จั๊กกะบุ๋ม’ โร่ขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไม่ได้เบี้ยวหนี้ ยันไม่เคยรู้ว่าติดหนี้ แต่เป็นการลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน

จากกรณีเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 6 โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า ดรามาป้ายทวงหนี้จากคุณป้าคนหนึ่ง (ใครรู้จักป้าหรือคุณป้าเห็นโพสต์มาแสดงตัวได้นะ...สื่อจะสอบถามประเด็น) ป้าคนนึงมาทวงหนี้โดยการนำป้ายมาแขวนไว้ที่บูธจัดงานในห้างเซ็นทรัลเวสเกต เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบและให้ถอดป้ายออก รปภ.บอกว่า ป้าเขาเดินไปยืนถือป้ายที่หน้าห้างอีก เพิ่งกลับไปเมื่อกี้ เหตุวันนี้ 30-3-67 ประมาณ 21.00 น. สดๆ ร้อนๆ

ในภาพมีโลโก้น้ำพริกปูนาน้ำปลากวน มีรูปและเบอร์โทรของอดีตตลกชื่อดัง นายนรเศรษฐ์ ทรงกลด หรือ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม เขียนข้อความว่า “ได้โปรดเมตตาคืนเงินค่าสินค้าให้เราด้วยเถอะ ระบุยอดเงิน 284,400 บาท สำหรับบางคนอาจจะไม่เยอะแต่สำหรับครอบครัวของเรา มันคือลมหายใจ 4 ชีวิต”

ผู้สื่อข่าวได้คุยกับนางรชต คำรอด อายุ 50 ปี ผู้ที่ติดป้ายทวงหนี้ กล่าวว่า ที่บ้านทำธุรกิจเลี้ยงปู เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่ใช่ห้างร้านและบริษัท ทำและขายเองตามงานอีเว้นท์ ตามห้างต่างๆ และมีโอกาสได้เจอกับคู่กรณีซึ่งขายของในงานเดียวกัน ได้ว่าจ้างให้เธอทำปูดองส่งให้ขาย โดยทางคู่กรณีจะไปติดแบรนด์ตัวเอง ตกลงกันไว้ว่ารับของไปขาย 1 รอบ เมื่อขายเสร็จต้องนำเงินมาจ่าย

เธอทำของส่งให้คู่กรณีกว่า 20 รอบ ส่งไปเรื่อยๆ ซึ่งได้ทวงถามค่าจ้างกับคู่กรณีตลอด เขาอ้างว่ายังขายของไม่ได้ ไม่มีเงินนำมาให้ ขอให้ทำของให้ใหม่ก่อนและจะนำเงินมาเคลียร์ให้ ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอด เธอให้ด้วยความเห็นใจและไว้ใจ คิดว่าถ้าไม่ให้ของไปส่งให้คู่กรณีก็จะไม่มีของขายและนำเงินมาให้เธอ จึงยอมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 66 จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 67 เธอเริ่มชะงักและไม่ทำของให้คู่กรณี ซึ่งคู่กรณีก็บอกว่าถ้าไม่มีของมาขายจะนำเงินที่ไหนมาให้ เธอจึงทำให้ถึงรอบสุดท้าย และขอกำหนดในการชำระยอด คู่กรณีได้นัดชำระเงินวันที่ 24 มีนาคม หากเคลียร์ยอดที่ค้างเธอจะทำของให้วันที่ 27 มีนาคม เพื่อนำมาขายที่ห้างแห่งนี้ แต่พอถึงกำหนดคู่กรณีไม่จ่ายเงินตามที่ตกลง เธอทวงถาม คู่กรณีก็บอกกับเธอว่าขอให้จบงานที่ห้างนี้ก่อน เนื่องจากมีการคลาดเคลื่อนได้ของไม่ครบ เธอจึงไม่ทำของให้อีก

จากนั้นวันที่ 29 มีนาคม เธอมายืนดูการค้าขายของคู่กรณีที่ห้าง เพื่ออยากรู้ว่าขายไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม และไม่มีรายได้จริงๆ ใช่ไหม แต่ 4 ชั่วโมงที่เธอมายืนดูคู่กรณีขายของได้ประมาณหมื่นกว่าบาท จึงบอกว่าให้นำเงินมาเคลียร์เธอสัก 2,000-3,000 บาทก่อน เพื่อจะได้นำไปเป็นทุนทำของและนำของมาให้เพื่อวางขายในงานนี้ คู่กรณีบอกให้เธอทำของมาก่อนแต่ยังไม่มีเงินให้ เขาบอกว่าไม่ให้ เธอพยายามตื๊อเพื่อขอเงิน แต่คู่กรณีปฏิเสธและไล่ให้กลับไป

พอกลับมาคู่กรณีส่งข้อความมาต่อว่าเธอว่า “ผมไม่โอเคกับแม่เท่าไหร่นะครับ แม่ตั้งใจมาทำให้ผมอับอาย มาปั่นป่วน จงใจทำให้ผมเสียหน้า คุกคาม จะมาเค้นเก็บเงินจากผมทั้งๆ ที่ผมบอกแล้ว ว่าขอจบงานนี้ แต่แม่เลือกที่จะไม่ฟังผม ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร ผมถือว่าผม พูดแล้วแต่แม่เลือกที่จะไม่ฟังผม แม่มีหลักฐาน ผมก็มีหลักฐานในการพูดคุยทั้งหมด แอบอัดเสียงผมนั่นคือคำสารภาพของแม่นะ เอาเป็นว่าผมรับทราบแบบนี้นะครับ” เธอจึงรู้ว่าเขาพยายามที่บ่ายเบี่ยงจะไม่จ่ายเงินแล้ว เลยไปเจรจากับทางผู้ใหญ่ที่จัดงานว่าให้คู่กรณีมาเคลียร์ยอด

ทางผู้ใหญ่ที่ไปพูดคุยด้วยเขาบอกให้ไปแจ้งความ ตำรวจก็บอกว่าเป็นคดีแพ่ง เธอจึงต้องทำป้ายนี้ออกมา ไม่อยากทำแต่สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำ เธอนำป้ายไปติดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ยอดเงินทั้งหมดที่คู่กรณีต้องจ่ายคือ 284,400 บาทไม่มีให้ทั้งหมดเธอเข้าใจ แต่อยากให้คู่กรณีติดต่อมาเคลียร์จะเจรจายังไงก็พูดมา แต่กลับมาโพสต์เฟซบุ๊กว่าจะไปแจ้งความเธอ ซึ่งมันสวนทางกับความจริงที่ควรจะมาเจรจากันดีกว่า

นางรชต กล่าวต่อว่า เธอไว้เนื้อเชื่อใจเพราะเห็นเป็นดารา เป็นตลก คงไม่มาโกงกับตาสีตาสาแค่เงินไม่กี่บาท คาดหวังอยากให้คู่กรณีมาเจรจากัน แต่กลับไม่เคยมาพูดคุย พูดแต่ว่าไม่มี ไม่ให้ อยากบอกกับคู่กรณีว่าเธอกราบ ยอดทั้งหมดที่เขาขายของ ที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ แต่เธอกับครอบครัว 4 ชีวิต ไปต่อไม่ได้ เราขอให้มาเคลียร์ยอดบ้าง หันกลับมาดูเราบ้าง เราสร้างเม็ดเงิน สร้างกำไรให้ไปกว่าครึ่งล้านแล้ว อย่านิ่งจนด้านแบบนี้ ออกมาพูดคุยกัน

นางรชต ยังได้ยกมือไหว้พูดถึงจั๊กกะบุ๋มว่า สลึงหนึ่งก็ไม่เคยได้รับ จะให้เอาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ก็ให้ได้หมด มาคุยกับแม่มาเคลียร์กับแม่ ก่อนที่ 4 ชีวิตในบ้านนี้จะไม่มีลมหายใจ ขอร้อง ให้กราบก็จะกราบ ถ้าวันที่เธอเป็นทวงเงินเมื่อ 29 มีนาคม จ่ายมาก่อนสัก 2,000 เรื่องก็จะไม่เกิด คนทั้งโลกก็จะไม่รู้ เขาบอกมีปัญหาเรื่องเงินเราประคองเขาทุกอย่าง แต่นี่เหรอที่เขาทำกับเรา ไม่กังวลจะโดนแจ้งความกลับ ขออย่างเดียวขอให้มีทุนต่อชีวิต มาเคลียร์กับเราหน่อย ไม่เยอะไม่ว่าแต่ขอให้ต่อลมหายใจของเรา 4 ชีวิต พวกเราจะตายแล้ว พวกเราไปต่อไม่ได้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายนรเศรษฐ์ ชงทรงกลด หรือ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ที่บูธขายน้ำพริกปูนาน้ำปลากวน อยู่ภายในห้างเซ็นทรัลเวสเกต เพื่อสอบเรื่องราวดังกล่าว เจ้าตัวเปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องกราบขออภัยเจ้าหนี้ทุกคนที่เขามีปัญหาเรื่องเงินด้วยในเรื่องของความคลาดเคลื่อนและล่าช้า เพราะเนื่องจากช่วงนี้ประสบปัญหาเรื่องการเงิน แต่ก็ไม่ได้นิ่งเฉยก็พยายามหาเงินเพื่อมาใช้หนี้ให้กับทุกคนอยู่

ส่วนแม่คนดังกล่าว รู้จักกันก่อนหน้านี้ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ และแม่ก็ได้ทักเข้ามาหาทางเฟซบุ๊กว่าจะขอทำสินค้าให้ เสนอทำสินค้าให้ 2 แบบ มีอ่องมันปูและปูนาดองโดยที่ไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปี 66 แต่จะให้จ่ายเงินเป็นรอบๆ ไปหลังได้รับสินค้าและขายหมดแล้ว

เรื่องนี้อาจจะเป็นการเข้าใจผิด การสื่อสารอาจจะคลาดเคลื่อน ที่ผ่านมาด้านคุณแม่เองก็ไม่เคยแจ้งรายละเอียดข้อมูลราคาสินค้าที่ส่งมาให้เลย อยู่ๆ ก็มาบอกว่าติดหนี้ค่าของอยู่เป็นแสนๆ แล้ว ซึ่งรายละเอียดตรงนี้เขายังไม่ขอเปิดเผยแล้วกัน และเชื่อว่าเราทั้งสองฝ่ายต่างรู้กันดีอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการคุยกันตลอดทั้งโทรทั้งแชท

ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มี.ค. คุณแม่เองก็เข้ามาหาที่ร้านและได้เจรจากันว่าจะรอให้จบงานวันที่ 2 เม.ย.นี้ก่อนจึงจะจ่ายเงินได้ ส่วนยอดเงิน 284,400 บาท ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วติดหนี้แม่ตามยอดนี้หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นรายละเอียดหรือราคาของที่สั่งไปเลย

นอกจากนี้จั๊กกะบุ๋มยังเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บางใหญ่ ชี้แจงว่า เพิ่งมาทราบเรื่องหลังจากปิดร้านโดยมีทางกลุ่มสตาฟจัดงานและเจ้าหน้าที่ของห้างมาบอก ตอนแรกก็ตกใจว่าเขาทำเพื่ออะไร ก่อนหน้านี้ก็พูดคุยกันตลอด ล่าสุดก็คุยกันเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา

ส่วนเงินที่เป็นหนี้ ไม่ได้เป็นเงินกู้ยืมแต่เป็นเงินที่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน บอกแม่แล้วว่าหลังเสร็จงานนี้ก็จะเคลียร์เงินส่วนหนึ่งคืนให้ ไม่ได้หนีไปไหนยังโพสต์เฟซบุ๊กบอกตลอด เขามีหลักฐานในการพูดคุย สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นต้องขอโทษพ่อหม่ำและน้องเอ็มผู้จัดงานรวมถึงทางห้างเซ็นทรัลเวสเกตด้วย ที่ทำให้เสียชื่อเสียงจนขยายเป็นวงกว้าง ส่วนวันนี้ (31 มี.ค.) ที่เดินทางมาลงบันทึกประจำวันก็เพื่อเป็นหลักฐานว่าไม่ได้หลบหนีหรือเบี้ยวหนี้แต่อย่างไร

จากนั้นจั๊กกะบุ๋มก็โพสต์เฟซบุ๊กว่า “นี่ผมต้องตื่นไปโรงพักเเจ้งความเเต่เช้าเลยหรือนี่”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/afFPQFmMmLE

คุณอาจสนใจ

Related News