เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' ชมทุกหน่วยงาน ค่าฝุ่นลดลงกว่าปีที่แล้ว ปีหน้าเอาจริงห้ามนำเข้าข้าวโพดประเทศเพื่อนบ้าน

โดย passamon_a

17 มี.ค. 2567

105 views

เศรษฐา ชมทุกหน่วยงานบูรณาการทำค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลงกว่าปีที่แล้ว บอกปีนี้แค่ขู่ไม่ได้ผล ปีหน้าเอาจริงห้ามนำเข้าข้าวโพดประเทศเพื่อนบ้าน ม.ค.-เม.ย.


เมื่อวันที่ 16 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการการกระทรวงการคลัง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ถือป้ายรอต้อนรับ ทั้งรณรงค์หยุดเผาป่าลดหมอกควันลดโลกร้อน และชาวแม่แตงร่วมใจสู้ไฟป่า รอต้อนรับ


โดยทันทีที่ นายเศรษฐา เดินทางมาถึง ได้รับฟังการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไฟป่า และสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ทั้งประเทศ ซึ่งจากการประสานพูดคุยกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาหมวกควันข้ามแดน ขณะนี้ไทยได้มีการหารือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศกัมพูชา รวมไปถึงสปป.ลาว เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเมียนมาอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้บัญชาการทหารสูงสุด


นายเศรษฐา กล่าวว่า หากดูจากการแสดงผลกราฟ พบว่าจากปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 พบว่าลดกว่าปีที่แล้วกว่า 1 เท่า แม้ว่าบางจังหวัด เชียงใหม่ เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา อาจจะมีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในลำดับหนึ่งของโลก แต่ก็ลดลงไป ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราทำดีแล้ว แต่ต้องไปพัฒนาต่อ และเห็นได้ว่าเกิดผลจากการที่ข้าราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำงานบูรณาการตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจน


ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ระบุว่า จุดความร้อนปัจจุบันเป็นแค่ 1 ใน 3 ของปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเราทำงานได้ดีขึ้นกว่า 3 เท่าตัว ตนไม่อยากให้เจ้าหน้าที่เสียกำลังใจ แต่ไม่ได้บอกว่าพอใจในผลงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงทรัพย์ฯ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ทำให้จุดความร้อนลดลงได้ 1 ใน 3 และหากเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันจะพบว่าปริมาณฝุ่นละอองลดลงกว่าครึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา แม้ว่าไทยจะติดอันดับปริมาณฝุ่นสูง 5 อันดับของโลก


โดย นายเศรษฐา เน้นย้ำถึงการอนุมัติงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตนยืนยันว่าปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้จริง และเป็นนโยบายอาสามัครดับไฟป่าเป็นเรื่องที่ดี โดยต้องเป็นคนพื้นที่เท่านั้น และมีความผูกพันกับพื้นที่ มีใจรักพื้นที่ของเขาทำด้วยใจ พร้อมกับเน้นย้ำว่า อาสาสมัครดับไฟป่าจะต้องมีความปลอดภัย และต้องดูอุปกรณ์ให้มีความพร้อม เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ ขอให้ดูให้ดีด้วยแล้วกัน


ทั้งนี้ นายเศรษฐา ระบุว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนเอาเรื่อง PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ หากติดตามการทำงานของคณะรัฐมนตรีจะทราบว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยต้องยอมรับว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ของภาคเหนือ แต่อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นปริมาณฝุ่นหรือจุดความร้อนลดลงครึ่งหนึ่ง หรือ 2 ใน 3 ถึงแม้จะมีการเผยแพร่คำว่าจังหวัดเชียงใหม่ มีการถูกจัดลำดับในลำดับต้น ๆ ของโลก แต่ก็ลดลง ขณะนี้กำลังเข้าสู่ในระยะเฝ้าระวัง


ซึ่งช่วง High Season จากนี้ต่อไปอีก 45 วัน จะเป็นช่วงเฝ้าระวังที่สำคัญที่สุด ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ จำเป็นต้องหานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามา รวมไปถึงประสานงานกับกองทัพ ในการขนส่งซากวัสดุเข้าไปแปรรูป โดยรัฐบาลตระหนักดีว่าหากเกษตรกรเผาก็สามารถทำได้ แต่ต้องให้ความรู้กับเกษตรกร ซึ่งรัฐบาลก็ต้องแก้ไขกันไป ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดก็มีการประสานงานที่ดีกับกองทัพนำยุทโธปกรณ์ที่ยังไม่ได้ใช้ของทหาร เช่น รถ มาเปลี่ยนขนวัสดุต่าง ๆ ทำให้ปริมาณฝุ่นลดลง


แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องทำงานกันต่อไปเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีการนำเสนอมาว่า ในช่วงฤดูฝน ปัญหาฝุ่นละออง เกิดจากปัญหาการจราจร ซึ่ง 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ตนเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีการพูดคุยเรื่องการจัดระบบคมนาคมทุกจังหวัด ที่ต้องมีขั้นตอนชัดเจนในระยะกลางและระยะยาวเพื่อลดปัญหาการจราจร ทำให้การเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น ตนเข้าใจว่าทุกฝ่ายทำอย่างเต็มที่และทำได้อย่างดีสุดความสามารถที่ทำได้ แต่ยังทำได้อีก ซึ่งตนมองว่าการที่เชียงใหม่ก็ยังคงติดอันดับ ไม่ใช่เรื่องที่ได้ยินดีเท่าไหร่


ส่วนการเผาที่มาจากต่างประเทศ มีการตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อพูดคุยและให้ข้อมูลกับคณะรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลจะต้องพิจารณาการออกมาตรการต่าง ๆ ภายในประเทศ เรื่องของการเผาป่าเราก็ไม่ยอม ห่างจากคนเผาป่าได้ให้เงินรางวัล 10,000 บาท เราก็เข้าใจเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เอาผักหวาน เอาเห็ดออกมาขาย แต่ขอบคุณกระทรวงทรัพย์ฯจัดพื้นที่ในการทำเพาะปลูก ซึ่งก็รู้สึกเห็นใจชาวบ้านเหมือนกัน ส่วนต่างประเทศ รัฐบาลก็ต้องพิจารณานอกประเทศเราไปก้าวก่ายอธิปไตยของเขาไม่ได้ จำเป็นต้องมีการพูดคุยกัน หากรัฐบาลเขามีประชาธิปไตยเหมือนกับเราก็คงพูดง่ายขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างมากว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เพื่อนบ้านหยุดเผา


ตนเองก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในต่างประเทศว่าจะต้องพิจารณาดี ๆ ว่าจะห้ามนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วง High Season เพราะไม่อย่างนั้นจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ เคยขู่ไปแล้วว่าจะขึ้นภาษี ก็คงคิดว่าเราคุยเฉย ๆ ปีหน้าจนคงต้องทำจริง ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน คงต้องห้ามนำเข้าข้าวโพด หากไม่จัดการเรื่องพวกนี้เศรษฐกิจเราลำบาก แม้ลดไปได้ต้องทะเยอทะยานในการแก้ผัญหา ตนอยากให้มีความทะเยอทะยานเยอะ ๆ ในการแก้ไขปัญหา หากต้องการให้ช่วยเหลืออะไรผมก็คงเต็มที่


โดยข้อมูลจากการศึกษาพบว่าสาเหตุการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 เกิดจากการขนส่งน้อยกว่าร้อยละ 10 ถ้าการเกษตรร้อยละ 5 ถึง 25 การเผาป่าร้อยละ 20-50 กินข้ามแดนร้อยละ 40-100



รับชมผ่านยูทูบ :  https://youtu.be/My15kxU7TiY

คุณอาจสนใจ

Related News