ฟัง 'เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง-ดนุพร-เผ่าภูมิ' โชว์วิสัยทัศน์ "10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10"

วานนี้ 3 พฤษภาคม 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกในการแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ "เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ" ว่า วันนี้ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเราตัดสินใจถูกต้องมากๆที่เราได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เพราะปัญหาที่มีอยู่มากมาย และหลังจากที่เราได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ได้เห็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารถึงสองครั้ง ซึ่งใช้เวลาเกือบสองทศวรรษด้วยกันและรวมไปถึงปัญหาระบบราชการที่ใหญ่โตเกินไปทำให้อึดอัดในการทำงาน ไม่พร้อมสำหรับการปรับตัวในยุคปัจจุบัน


10 เดือนที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายเศรษฐา เราได้วิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นและได้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนานจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น อย่างที่บอกว่าเราเสียเวลาไปแล้วเกือบสองทศวรรษ ตอนนี้เราเข้าใจดีว่าปัญหาทุกอย่างไม่ได้ง่าย แต่เรามั่นใจว่าเราจะทำอย่างเต็มที่และมั่นใจว่าเราจะทำให้เต็ม10 ได้อย่างแน่นอน


เราทำตามนโยบายที่เราเคยวางไว้ตามที่บอกกับประชาชนและสุดท้ายเมื่อรัฐบาลได้อยู่ครบ 4 ปีเรามั่นใจว่าพี่น้องจะให้คะแนนเราเต็ม 10 แน่นอน


แน่นอนพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่อยู่มานานเจอเรื่องราวต่างๆมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ซึ่งเราก็ผ่านมาด้วยกันได้ และการที่คู่แข่งของเราจะสร้างวาทกรรมต่างๆทำให้เราดูเป็นคนล้มเหลว ทำงานไม่เป็น หรือสร้างวาทะกรรมต่างๆให้เรารู้สึกว่าเหมือนเราผิดคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน ทำนโยบายไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราจะต้องพิสูจน์ใช้เวลา ใช้ผลงาน และใช้หัวใจที่ทุ่มเทของเราพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น


นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ "Recap 10 เดือนที่ไม่รอ" ว่า การจัดงานของเราในวันนี้ อาจจะถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ แต่ความคิดที่มีระบบประชาธิปไตย สามารถทำได้ แต่ตนอยากให้ทุกคนนึกย้อนและคิดอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าในวันนั้นพรรคเพื่อไทยตัดสินใจไม่จัดตั้งรัฐบาล กว่า 8 เดือนที่ผ่านมาประเทศไทยของเราจะเป็นอย่างไร และ 10 เดือนที่ต้องรอภายใต้รัฐบาลรักษาการณ์ การแก้ไขปัญหาของประเทศจะเดินไปในทิศทางใด รวมถึงงบประมาณของแผ่นดินที่จะต้องใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแต่ปรากฏว่ารัฐบาลรักษาการมีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร และอาจกลายเป็นสภาพสูญญากาศ


พรรคเพื่อไทย ได้รับไม้ต่อจากพรรคการเมืองที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลในวันนั้น จนมาเป็นรัฐบาลนายเศรษฐาวันนี้ เราโดนคำถามคำดูถูกคำเหยียดหยาม คำต่อว่าสารพัด หลายคนคงสังเกตว่าพรรคเพื่อไทยเราไม่เคยตอบโต้ พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับพวกเราไม่ได้เก่งในการตอบโต้รายวัน หรือชำนาญในการคิดวาทกรรมสวยหรูเพื่อเชือดเฉือนทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดโดยไม่คิดถึงพี่น้องประชาชน นั่นไม่ใช่การทำงานของพรรคเพื่อไทย


เราจะลบคำดูถูกคำเหยียดหยามคำครหาด้วยการทำงานอย่างหนักโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตามที่นายเศรษฐา ได้มีการบอกไว้ในวันที่เข้ารับตำแหน่ง เราจะทำให้คนที่เลือกพรรคเพื่อไทย เคยเลือกพรรคเพื่อไทย และไม่เคยเลือกพรรคเพื่อไทยได้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยในวันนี้ โดยการนำของหัวหน้าพรรค ชื่อนางสาวแพทองธาร ซึ่งเรายังมีจิตวิญญาณอุดมการณ์ของคำว่าประชาธิปไตยอย่างเปี่ยมล้น เราจะทำให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยหัวใจของพวกเรานั้นยังคือพี่น้องประชาชนไม่เสื่อมคลาย


2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ในงาน"10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10" ในหัวข้อ "4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10" ว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพราะประชาชนมีความต้องการ เราก็ต้องผลักดันให้เกิดขึ้น แต่ถ้าไม่มีรัฐบาลมา 10 เดือนที่ผ่านมา เรื่องนี้จะอยู่ตรงไหน เราอยู่กับกติกาที่มันไม่ได้เป็นเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง เราต้องมีการพูดคุยกัน เราต้องนำเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อผลักดันให้เป็นฉบับของประชาชน เพื่อประชาชนโดยประชาชน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราทำมาโดยตลอด 10 กว่าเดือนที่ผ่านมา


ปัญหาใหญ่อีก 1 ปัญหาที่เราลงพื้นที่มาตลอดคือเรื่องของหนี้สิน มีการเจรจาไปกลับธนาคาร 4 ธนาคาร แน่นอนถ้าเราไม่มาอยู่ตรงนี้ ก็คงไม่มีใครไปพูดคุยกับท่านผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มีการลดดอกเบี้ย


ท่านยึดความอิสระเป็นหลัก แต่ผมก็พูดแล้วว่า ความอิสระ ไม่ได้อิสระจากความทุกข์ของประชาชน ผมก็พูดไปด้วยวาจาที่สุภาพ เป็นการพูดคุยกัน ในฐานะผู้ใหญ่ที่คุยกัน ถ้าเกิดท่านทำก็ดี ถ้าไม่ทำรัฐบาลเราก็หาวิธีอื่น 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมก็คุยกับ 4 แบงค์ และเมื่อ 2 วันก่อนก็มีการลดดอกเบี้ย เพื่อลดปัญหาและภาระของพี่น้องประชาชนไป และยอมรับว่าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบรัฐบาลนี้ยังทำไม่สำเร็จและยังอีกไกล แต่ตนมีความมุ่งมั่น ที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ให้สำเร็จ ระยะเวลา 4 ปีข้างหน้านี้


นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในงาน ’10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ถึงการดำเนินงานนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่า เป็นนโยบายที่สร้างพายุหมุนให้กับประเทศ เพราะนโยบายนี่คือการกระจายเม็ดเงิน 10,000 บาท ไปสู่พี่นน้องประชาชนราว 50 ล้านคน ทำให้เม็ดเงิน 500,000 ล้านบาท ถูกอัดกระแทกไปสู่เศรษฐกิจไทยให้เกิดพายุหมุน 4 ลูก ได้แก่


พายุหมุนลูกแรก จากประชาชนสู่ร้านค้า เกิดจากประชาชนเอาเงินไปซื้อของที่ร้านค้า เกิดธุรกิจเป็นหมื่นล้านครั้ง ในรอบแรก สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือการใช้เงินให้หมดภายใน 6 เดือน และใช้ตามอำเภอตามบัตรประชาชน ทำให้เกิดการกระจายตัวในทุกอำเภอ ทุกหมู่บ้าน ทุกตลาด นี่คือพายุสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น 878 ลูก ใน878 อำเภอ


พายุหมุนลูกที่สอง จากร้านค้าสู่ร้านค้า จากร้านค้าที่ยังไม่สามารถขึ้นเงินได้ ต้องไปใช้เงิน เพราะเราต้องการหมุนเศรษฐกิจอีกรอบ เกิดพายุหมุนอีกหมื่นๆครั้ง กระแทกเข้าไปในระบบในรอบนี้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ ร้านค้า สามารถข้ามจังหวัดและข้ามภาคได้


พายุหมุนลูกที่สาม กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตสู่ร้านค้า เราถูกตั้งคำถามเงินก้อนนี้กำลังจะไปไหน โดยฝ่ายค้านบอกว่าเงินกำลังจะหมุนไปเข้าร้านเชนใหญ่ๆ หรือเจ้าสัวหรือไม่ แล้วจบแค่นี้หรือไม่ นี่คือการมองเศรษฐกิจที่ไม่ครบระบบ เราหยุดแค่นี้ไม่ได้ พรรคเพื่อไทยมองว่าประชาชนเข้าไปซื้อของในร้านค้า เกิดการผลิต เกิดการจ้างงาน เช่น ประชาชนเกินไปซื้อกล้วยตาก 1 ถุง เกิดการผลิตกล้วยที่เพิ่มขึ้น รายได้ชาวสวนเพิ่มขึ้น มีบรรจุภัณฑ์ จ้างพี่น้องแรงงานที่เพิ่มขึ้น


พายุหมุนรอบที่สี่ เป็นพายุหมุนด้านเทคโนโลยี เนื่องจากดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการกระจายเม็ดเงินผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง ที่ถูกสร้างขึ้นโดยแอปพลิเคชันใหม่ และนี้คือสถาปัตยกรรมของเรา ประชาชนยืนยันตัวตน และสามารถต่อยอดได้ในอนาคต ซึ่งดิจิทัลวอลเล็ตเป็นวอลเล็ตกลางขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมกับธนาคารต่างๆ ด้วยระบบโอเพ่นลูป เบื้องหลังคือเทคโนโลยีที่ซับซ้อน เบื้องหน้าคือความสะดวกสบายของประชาชน ซึ่งระบบการชำระเงินของประชาชน 50 ล้านคนในประเทศเ จะทำให้เกิดธุรกรรมมากมาย ทำให้เกิดพายุหมุนด้านเทคโนโลยีที่จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยผ่านธุรกรรมต่างๆ สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/T5mfg37IvIg