สังคม

สืบนครบาลรวบ "ครูเปรม" ทำอนาจาร-ปล่อยคลิบลับลูกศิษย์

โดย gamonthip_s

15 มี.ค. 2567

2.3K views

เด็กสาว ม.ปลาย วัย 16 ปีก้มกราบเท้าผู้เป็นแม่เพื่อขอ “ลาไม่อยากมีชีวิตต่อ” หลังเธอถูก “ครูเปรม” ครูฝึกสอน ภาษาเยอรมันในโรงเรียน ย่านภาษีเจริญ ล่อลวงก่อนถ่ายคลิปลับไว้ ต่อมาคนร้ายพยายามให้ผู้เสียหายกลับมามีสัมพันธ์ด้วยแต่เด็กสาวไม่ยินยอม จึงได้ทำการปล่อยคลิปลับถึง 3 ครั้ง



ล่าสุดแม่เด็กสาวหอบหลักฐานพึ่ง “สืบนครบาล” ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ฟังเสร็จ รายงาน น.1 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.  สั่งบุกจับทันที ผู้การจ๋อคัดทีมสืบสวนคู่ใจล่องใต้ไปจับตัวได้ที่ จ.สงขลา ขณะสอนหนังสือใน โรงเรียนแห่งใหม่ ขยายผลพบคลิปลับกว่า 10 คลิป เหยื่อเป็นนักเรียนสาวรายอื่นอีก เนื่องจากผู้ต้องหาทำตัวเป็นครูไอดอลออกรายการทางโทรทัศน์ เจ้าตัวเผยรสนิยมกับชุดสืบสวน ชอบมัดมือ มัดเท้า ในลักษณะ “ขึงพืด” เอาผ้าปิดตา และต้องสวมชุดนักเรียน



เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวัชรวิทย์ หรือเปรม อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.173/2567 ลงวันที่ 21 ก.พ. 67 ข้อหา “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ มีลักษณะอันลามก” จับกุมตัวได้ที่ ห้องพักครู ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา



พฤติการณ์กล่าวคือ เด็กม.ปลาย อายุ 16 ปี ก้มกราบเท้าผู้เป็นแม่เพื่อขอ “ฆ่าตัวตาย” เรื่องราวสุดแสนหดหู่ใจเกิดขึ้นในครอบ เมื่อบุตรสาวคนเดียวของครอบครัว ต้องเจอกับอาชญากรผู้ใคร่เด็กในคราบ "ครูฝึกสอน" กระทำจนเธอตายทั้งเป็น โดยจุดเริ่มต้นเรื่องราวเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2565 เมื่อเด็กวัย 16 ปี ได้เข้าเรียนชั้น ม.4 ที่โรงเรียนหญิงล้วน ย่านภาษีเจริญ แล้วได้พบกับ “ครูเปรม” หนุ่มร่างสูงหน้าตาดีวัย 25 ปี ดีกรีจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนของเธอ ด้วยความสูงหล่อคารมดี แต่ภายในคือจิตใจที่ “ใคร่เด็กสาว” มักพุ่งเป้าไปที่เด็กสาวที่หัวอ่อน และล่อลวงง่าย เคราะห์ร้ายจึงมาตกที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) เด็กม.4 วัย 16 ปี ที่มันเดินผ่านห้องเรียนเธอทุกวัน และแอบมองเธอทุกกิจกรรมในโรงเรียน ก่อนจะอาศัยความเป็นครู ตีสนิทใช้หลักการตกลง “เป็นแฟน” ฉวยโอกาสที่เธอยอมทุกอย่าง “ถ่ายคลิปลับ” โดยหลอกเด็กสาวว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นแฟนกัน



และเวลาก็ผ่านไปครูเปรมหลบหนีการเกณฑ์ทหารด้วยการบินไปอยู่ประเทศเยอรมัน เป็นเวลากว่า 9 เดือน ด้วยระยะทางที่ไกลกัน และทั้งสองตกลงเลิกกันในที่สุด ผ่านไปจนกระทั่งปลายปี 2566 เด็กเข้ามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 และได้พบความรักครั้งใหม่ ซึ่งหลังจากนั้น ไอจีของเธอก็มีคนติดตามเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก จนมีพลเมืองดีได้ทักไปบอกกับเธอว่า “คลิปลับ” ของเธอได้หลุดในโลกอินเตอร์เน็ต และเมื่อพลเมืองดีดังกล่าวเปิดวาร์ปให้เธอเข้าไปดูคลิปก็พบว่าเป็นคลิปลับระหว่างเธอกับครูหนุ่ม สมัยที่เธออยู่ ม.4 และที่เลวร้ายมากคือการโพสชื่อไอจีของเธอไว้ในคลิปนั้นด้วย



เธอกลายเป็นคนซึมเศร้า และไม่ไปเรียนที่วิทยาลัย ผู้เป็นแม่เห็นความผิดปกติจึงถามลูกสาว ด้านลูกสาวได้เล่าให้ทีมสืบสวน ว่า “หนูขอลาออกได้ไหม หนูไปโรงเรียนไม่ได้จริงๆ” แม่จึงเริ่มสอบถามลูกสาวตัวเองจนทราบว่า หลังจากที่เธอเลิกกับครูรายนั้นแล้ว ครูยังคอยทักมาหาเด็กสาวพยายามโน้มน้าวให้กลับไปรักกัน ลักษณะเหมือนคนโรคจิต ชนวนระเบิดของการปล่อยคลิปนั้นคือภาพคู่กับแฟนใหม่ในไอจี



ทางแม่ได้พาลูกสาวเดินทางไปแจ้งความ สน.แสมดำ แต่มีคลิปลับได้ถูกปล่อยออกมา “ระลอกที่ 2” โดยถูกปล่อยเว็บไซต์ใหญ่มีผู้เข้าชมในจำนวนมาก หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีการออกหมายจับครูรายนี้ในที่สุด 



“ระลอกที่ 3” คลิปลับถูกปล่อยอีกครั้งและคราวนี้ยังถูกปล่อยในไปโลกโซเชียลของสถาบันที่เด็กสาวศึกษาอยู่  แม่เล่าต่อว่า ลูกสาวตัดสินใจก้มกราบเท้าผู้เป็นแม่พร้อมกล่าวอำลา “หนูขอตาย” สภาพเด็กสาว ณ ตอนนี้ไม่ต่างจากคน “ตายทั้งเป็น” ต้องจับไอ้ครูโรคจิตนี้ให้ได้ผู้เป็นแม่สัญญากับตัวเอง



แม่ของเด็กสาวขอความช่วยเหลือมาที่ “สืบนครบาล” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งชุดสืบทีมมือดีไล่ล่าไอโรคจิตรายนี้ทันที โดยชุดสืบสวนสืบได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าครูภัยร้ายรายนี้ เคยมีพฤติกรรมทำกับเด็กนักเรียนหญิงในลักษณะนี้มาแล้ว จนถึงขั้นถูกไล่ออกจากการเป็นครูฝึกสอนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านพญาไท และคนร้ายกำลังคบหากับ “เด็กสาว” รายใหม่ซึ่งยังมีอายุน้อย และคนร้ายพึ่งจะเข้าบรรจุเป็นครูอัตราจ้างอยู่ในโรงเรียนชื่อดัง ย่านหาดสมิหลา จ.สงขลา จึงนำกำลังบุกจับทันที และสามารถจับกุมตัวได้ในที่ห้องพักครูภายในโรงเรียน



จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ พบคลิปการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนไม่ต่ำกว่า 15 คลิป และมีภาพวาบหวิวที่นักเรียนส่งมาให้อีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย และยังพบแชตสนทนาคุยสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กนักเรียนอีกหลายราย จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างขยายผลที่ บก.สส.บช.น.




ในชั้นจับกุม นายวัชรวิทย์ฯ ให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าทำการพรากเด็กไปมีเพศสัมพันธ์และถ่ายคลิปไว้จริง แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ปล่อยคลิปดังกล่าว โดยให้การว่า “ตนเองจบปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ตนมีรสนิยมหรือสเปคชอบหญิงสาวผมยาว สวมใส่แว่นตา โดยเฉพาะเด็กสาวที่สวมเครื่องแบบนักเรียนมัธยมหรือชุดนักศึกษา และในส่วนรสนิยมการมีสัมพันธ์กับน้องผู้เสียหายนั้น ยอมรับว่าตนมีรสนิยมทางเพศที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงคือ ชอบให้ตนเองผูกมัดมือ มัดเท้า ในลักษณะ “ขึงพืด” และเอาผ้าปิดตา สวมใส่เครื่องแบบนักเรียนตนเองชอบมักจะนำโทรศัพท์มาบันทึกคลิปวิดีโอลับ เป็นคลิปสั้นๆ จำนวนหลายคลิป เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเป็นความชอบส่วนตัว ส่วนเรื่องคลิปหลุด ตนรับว่าได้ถ่ายคลิปไว้จริง โดยบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือเครื่องส่วนตัวและเก็บไว้ดูเอง มิได้บันทึกลงในฐานข้อมูลออนไลน์แต่อย่างใด น่าจะเป็นตอนที่ตนเองนำโทรศัพท์ไปซ่อมตอนอยู่ประเทศเยอรมัน ส่วนที่มีการแปะ ig ผู้เสียหายนั้นตนเองขอไม่ตอบ” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย



พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการสืบสวน คนร้ายนี้ถือว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง ซึ่งสภาพภายนอกดูดี มีโปรไฟล์จบการศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับสูง แต่โดยลึกในจิตใจมีลักษณะใคร่เด็ก จากการสืบสวนพบพยานหลักฐานบรรดาเหล่านักเรียนที่เคยเป็นลูกศิษย์ของคนร้ายหลายราย เข้าข่ายถูกกระทำในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน โดยคนร้ายเคยผ่านการสอนในโรงเรียนมัธยมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 โรงเรียน เชื่อได้ว่ายังมีผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย

คุณอาจสนใจ

Related News