สังคม

อบต.จ่อสอบศูนย์เด็กฯ ดรามาพ่อโวย! ครูจับเด็กแก้ผ้า แข่งใส่ชุดนักเรียน ซ้ำโดนผปค.รุม 'Saveครู'

โดย paweena_c

11 มี.ค. 2567

110 views

พ่อโวยโรงเรียนจับเด็กแก้ผ้าเพื่อแข่งเกม ในงานกีฬาสีโรงเรียน ตั้งคำถามเป็นการละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่ สุดท้ายโดนผู้ปกครองคนอื่นรุมว่า แค่แข่งกันสนุก ล่าสุด อบต.ที่ดูแลศูนย์เด็กเล็ก เตรียมเรียกสอบข้อเท็จจริง ยันไม่มีเจตนาทำให้เสื่อมเสีย

กรณีที่คุณพ่อรายหนึ่งเข้าไปปรึกษาในกลุ่มเฟซบุ๊ก "จิตวิทยาเด็กและครอบครัวปรึกษาเรื่องเลี้ยงลูก" โดยโพสต์ข้อความระบุว่า "ขอความคิดเห็นครับ กีฬาสีโรงเรียน มีแข่งใส่เสื้อผ้า โดยเอาเด็กๆ อายุ 4-5 ขวบ ทั้งชายและหญิงขึ้นเวที แก้ผ้าเด็กชายล่อนจ้อน ผู้หญิงเหลือแต่กางเกงใน ต่อหน้าผู้ปกครองอื่นๆ นับร้อย

ครูจับลูกสาวอายุ 4 ขวบกว่าขึ้นเวทีแทนเด็กอีกคนที่หาไม่เจอ แล้วแก้ผ้าออกเลยเหลือแต่กางเกงใน โดยไม่ได้แจ้งผู้ปกครองถึงกติกาเกมการแข่งขัน ผมจึงไปแสดงความไม่พอใจกับโรงเรียน แต่ไม่ได้หยาบคาย กลายเป็นว่าผมโดนรุม โดยมีคำว่า Save ครู เกิดขึ้น คุณพ่อเลยมาถามว่า นี่พ่อทำผิดเหรอ ที่ปกป้องสิทธิลูกที่เป็นเยาวชน

ล่าสุดมีการเปิดเผยแชตต้นเรื่องในกลุ่มไลน์ผู้ปกครองของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองรายนี้ ได้ส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มไลน์ แสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิการกระทำของคุณครูและสถานศึกษา ที่จัดกิจกรรมดังกล่าวว่า

"ถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเชิงตำหนิ และใช้สิทธิความเป็นพ่อของลูกสาวผู้ถูกกระทำ โดยที่ไม่รับรับแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีกิจกรรมดังกล่าว การจับเด็กถอดเสื้อผ้าบนเวทีเพื่อการแข่งขันใส่เสื้อผ้า แม้จะอยู่ในบริบทของการแข่งขัน ก็ยังคงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและอาจทำให้เด็กได้รับความเสียหายทางจิตใจ การทำเช่นนี้อาจทำให้เด็กรู้สึกอับอาย ไม่สบายใจ และมีผลกระทบต่อความรู้สึกของตนเองต่อสาธารระ

สำคัญที่สุดคือความสบายใจ ความปลอดภัย และความเคารพต่อความรู้สึกของเด็กควรเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุดในทุกสถานการณ์ การเปลี่ยนเสื้อผ้าของเด็กควรเกิดขึ้นในสถานที่ส่วนตัวและปลอดภัย ไม่ใช่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก

ถ้ามีการจัดกิจกรรมหรือการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ผู้จัดควรมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิและความเป็นอยู่ที่ดีของเด้ก พร่ำสอนลูกเรื่องการแต่งตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ให้ลูกเดินโป๊ออกมาหน้าบ้าน ปลูกฝังความเคารพสิทธิของตัวเอง รู้สึกเหมือนสูญเปล่า และขัดแย้งลงในงานวันนี้"

แต่ปรากฎว่า กลับมีข้อความจากผู้ปกครองรายอื่นว่า #Saveคุณครู สู้ๆ นะคะคุณครู" เห็นด้วยครับ สู้ๆ นะครับครู" และมีผู้ปกครองคนหนึ่งโพสต์ว่า "เท่าที่ทราบ คุณครูได้แจ้งคุณแม่ของเด็กแล้ว คุณแม่รับรู้และโอเคในตอนนั้น ถ้าคุณพ่อไม่โอเค ก็ควรไปคุยกันในครอบครัวก่อนแล้วค่อยมาลงที่ครู ลูกโตแล้วแต่คุณแม่ยังไม่โต ขาดการตัดสินใจ คุณพ่อควรจะคุยและดูแลคุณแม่ให้เข้าใจกฎระเบียบของบ้านให้ชัดเจน จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น อีกอย่างมันคือกิจกรรมสนุกสนาน ไม่ได้มีเจตนาลงโทษหรือกลั่นแกล้งให้อับอาย และคุณครูก็กล่าวขอโทษ และน้อมรับความผิดพลาดที่ไม่ได้เจตนา ก็ควรจะจบ การที่ต้องให้ครูไปขอโทษเด็กเป็นการส่วนตัวถือว่าเกินไป"

ทำให้คุณพ่อเจ้าของเรื่อง ต้องโพสต์ตอบกลับไปว่า "ไม่ได้แจ้งนะครับ คุณครูอุ้มขึ้นไปแทนเด็กคนอื่นที่หาตัวไม่เจอ ถ้าไม่เกี่ยวข้องไม่ควรเข้ามายุ่งนะครับ" พร้อมกับย้อนถามว่า "อะไรคือคุณแม่ยังไม่โต คุณเอาอะไรมากล่าวในจุดนี้ครับ"

คุณพ่อยังตั้งคำถามกลับไปถึงผู้ปกครองที่มา saveครู ว่า "ข้อความที่กล่าวมา คุณคงมีความสนิทสนมส่วนตัวใช่ไหมครับถึงทราบว่าเรื่องมันไปถึงไหนแล้ว" หลังจากนั้น คุณพ่อรายนี้ จึงนำเรื่องไปโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก จนมีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง

ขณะที่เพจดรมาแอดดิกโพสต์ "รู้แล้วว่าโรงเรียนในข่าวที่ให้เด็กเล็กแข่งเปลี่ยนเสื้อผ้าคือโรงเรียนอะไร ที่ตกใจกว่าคือมีการเอาภาพเด็กตอนเปลี่ยนเสื้อแข่งกันมาเผยแพร่ลงเพจสาธารณะด้วย"

ทั้งนี้มีภาพที่เฟซบุ๊กของกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบต.แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุรินทร์ ได้นำภาพบรรยากาศการแข่งขันกีฬาหนูน้อย ปี 2567 มาโพสต์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่ง แห่งมาเข้าร่วมการแข่งขัน

วันนี้ทีมข่าวเดินทางไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลนอกเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งกำกับดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งนี้ นายอนุชา พิสมัย ปลัด อบต.นอกเมือง ได้เปิดเผยว่า จากการจัดกิจกรรมที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ปกครอง ยืนยันว่า อบต.ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียให้กับเด็กและผู้ปกครอง แต่กิจกรรมนี้มุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาร่างกายของเด็ก ซึ่งก่อนจะมีการจัดกิจกรรมได้เชิญครูมาทำความเข้าใจ และเตรียมพร้อมตัวนักกีฬาในแต่ละประเภทแล้ว

แต่ในเมื่อเกิดเหตุความไม่สบายใจของผู้ปกครองขึ้นมา เบื้องต้นได้สอบถามไปทางศูนย์ฯ ที่เกิดเรื่องแล้ว ซึ่งมีการปฏิเสธ แต่ทาง นายกฯ อบต.ได้มอบหมายให้เชิญครูแต่ละศูนย์ฯ มาสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ซึ่งหากสอบแล้วไม่ถูกต้อง เข้าข่ายผิดวินัย ก็จะต้องตั้งกรรมการสอบตามขั้นตอน และหลังจากนี้จะมีการขอโทษผู้ปกครองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ด้านนายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานข้อมูลส่วนบุคคล และที่ปรึกษา กมธ.ยกร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่ามีความผิดทั้งพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สามารถเอาผิดได้ทั้งผู้ที่ถ่ายรูปเด็กและโรงเรียนที่นำไปเผยแพร่ต่อ เพราะไม่ได้รับการยินยอม หากมีการฟ้องร้องจะมีโทษปรับสูงมาก โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับทางเพศ เป็นเรื่องอ่อนไหวเป็นพิเศษ โทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ การโพสต์แม้จะนำสติ๊กเกอร์หรือรูป ปกปิดใบหน้าเด็กแล้ว ก็ยังถือว่า ยังมีความผิดอยู่ เพราะสามารถสืบค้นหาโรงเรียนได้ และเด็กมีอนุสัญญาระหว่างประเทศคุ้มครองอยู่ ซึ่งหากโรงเรียนและผู้ปกครองคุยตกลงกันได้ ก็จะไม่มีความผิดใน พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล แต่พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กบางมาตรายอมความกันไม่ได้ ดังนั้นการโพสต์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเด็กต้องระมัดระวังให้มากๆ


https://youtu.be/gPIZdnTLLHE

คุณอาจสนใจ

Related News