ป.ป.ช.บึงกาฬ พบเอกชนลักลอบดูดทรายขายเข้าโครงการของรัฐ

วันที่ 24 ก.พ. ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลหอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ นางสาวนันท์นภัส สืบสัมพันธ์ ผอ.ป.ป.ช.บึงกาฬ และคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายประจำจังหวัด (อพด.) ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาหนองคาย อัยการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด โยธาธิการ และผังเมือง ที่ดินจังหวัดทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ฝ่ายปกครองจังหวัด ฝ่ายปกครองอำเภอ ตำรวจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมประชุมหารือกรณีที่มีการร้องเรียนผู้ประกอบการลักลอบดูดทรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำเข้าทรายจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ลักลอบดูดทรายในพื้นที่บ้านโนนยาง หมู่ที่ 5 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ โดยที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 9 จากผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฏหมาย

หลังร่วมประชุมกับ อพด.ระดับจังหวัด จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบท่าทรายดังกล่าว ที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำโขง มีตัวแทนชาย-หญิง อ้างตัวว่าได้รับมอบหมายด้วยวาจาจากทางบริษัทฯ ให้มาเป็นตัวแทนชี้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งคู่ยอมรับว่าพึ่งได้เริ่มขอใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น ใบอนุญาตจากอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ และใบอนุญาตทำทางลาดจากเจ้าท่าจังหวัดหนองคาย แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 9 จากผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ แต่ได้เริ่มทดสอบดูดทราย ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ซึ่งจนท.แจ้งว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะเข้าสู่ขบวนการทั้งหมดให้เรียบร้อยไปก่อน ให้คณะอพด.นำเสนอเรื่องให้ ผวจ.บึงกาฬ เซ็นอนุมัติออกใบอนุญาตให้ดูดทรายได้

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ของ ป.ป.ช.บึงกาฬ และคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายประจำจังหวัด (อพด.) สรุปได้ว่า การตรวจสอบติดตามเฝ้าระวัง และรวบรวมข้อเท็จจริง กรณีลักลอบดูดทราย และลักลอบนำทรายเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาตของ บริษัท เอกชนแห่งนี้ ซึ่งมีพฤติการณ์นำไปจำหน่ายให้กับบริษัทเอกชนที่กำลังก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง โดยมีสำนักงานโยธาธิการ และผังเมืองจังหวัดบึงกาฬ เป็นคู่สัญญาการก่อสร้าง อาจเข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย อันอาจนำไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริต

ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทได้ลักลอบดูดทรายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน นำไปขายให้กับการก่อสร้างโครงการของรัฐ ซึ่งมีสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดบึงกาฬเป็นคู่สัญญาการก่อสร้าง ผู้ประกอบการอ้างว่าตนได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และใบอนุญาตขุดลอกร่องน้ำทางเรือเดิน จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาหนองคาย จึงเริ่มดำเนินการประกอบกิจการดูดทราย และนำเข้าทรายมาในราชอาณาจักรไทยโดยใช้เรือขนทราย

ซึ่งจากการตรวจสอบของป.ป.ช.จังหวัดบึงกาฬ ได้ให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมาย ดังนี้ 1.ให้เทศบาลตำบลหอคำ ซึ่งเป็นผู้ดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2475 ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบกิจการ บริษัทเอกชนรายนี้ ฐานความผิดฐานบุกรุกที่ดินสาธารณะ เนื่องจากประกอบกิจการโดยไม่มีใบอนุญาตตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน (ท.ด.69 ก) และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

2. ให้ที่ดินจังหวัด ในฐานะอนุกรรมการและเลขานุการ คณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทรายประจำจังหวัดบึงกาฬ (อพด.จ.บึงกาฬ) เสนอเพิกถอนมติอนุญาตให้ประกอบกิจการท่าทราย เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนให้ถูกต้องก่อนดำเนินกิจการ

3. ให้สถานีตำรวจภูธรหอคำ ประสานกับสำนักงานอัยการจังหวัดบึงกาฬ หลังได้รับแจ้งความเพื่อพิจารณาสอบสวน รวมถึงจัดทำสมุดยึดทรัพย์ของกลาง ตลอดจนหารือข้อกฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

นางสาวนันท์นภัส สืบสัมพันธ์ ผู้อำนวยการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า เบื้องต้นน่าจะผิดพระราชบัญญัติปกครองท้องถิ่น พ.ศ. 2535 มาตรา 122 ซึ่งเทศบาลตำบลหอคำ จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ และจะต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่น ๆ ด้วย เช่น กฎหมายอุตสาหกรรม, ที่ดิน, เจ้าท่า, รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยในวันนี้ได้มาตรวจข้อมูลในเบื้องต้นก่อน ว่าจะผิดฐานใดบ้าง หากผิดกฎหมายฉบับไหน ก็จะต้องดำเนินการตามนั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

เบื้องต้นสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดูดทราย และนำเข้าทรายจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนสำนักงานโยธาธิการ และผังเมืองจังหวัดบึงกาฬ ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมงานลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขง และแจ้งผู้รับจ้างยุติระงับการดำเนินงานก่อสร้างไว้ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนดำเนินงานต่อไป