ตร.แจง คลิปสายตรวจระงับเหตุ คนเมาอาละวาดในร้านอาหาร ยันทำตามยุทธวิธี ไม่มีใครสั่งเคลียร์

จากกรณีที่โซเชียลแชร์คลิปการทำงานของเจ้าหน้าที่สายตรวจ 191 สภ.เมืองอุบลราชธานี ในการระงับเหตุลูกค้าเมาอาละวาทภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี โดยคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 4 นาที ซึ่งเป็นช่วงที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเข้าไปเจรจาให้ลูกค้าที่มาใช้บริการชำระเงินและออกจากร้าน เนื่องจากเมาโวยวายอาละวาดพนักงงานร้าน แต่เหตุการณ์กลับรุ่นแรงขึ้นเมื่อลูกค้า 1 ใน 2 คน พยายามดึงผ้าคลุมใบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนต้องใช้ยุทธวิธีป้องกันตัวและควบคุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีเสียงปรบมือชื่นชมตำรวจจำนวนมาก ต่อมามีกระแสข่าวว่าหลังจับกุมชายทั้ง 2 คนได้แล้ว มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งการให้ไม่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์

ล่าสุดวันที่ 2 ก.พ.2567 ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.คนองฤทธิ์ ดาราช ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านใดขอไม่ให้ดำเนินคดี แต่รายละเอียดยังไม่สะดวกให้เนื่องจากติดราชการประชุม จึง มอบหมายให้ พ.ต.ท.รุ่งเพรช โรคน้อย สวป.สภ.เมืองอุบลราชธานี ให้ข้อมูลแทน

พ.ต.ท.รุ่งเพรช เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเหตุการณ์เกิดขึ้น ประมาณ 19.30 น ของวันที่ 31 มกราคม 2567 ศูนย์วิทยุ 191 แจ้งเหตุ เมาสุราอาละวาทในร้านอาหาร แห่งหนึ่งจึงได้ให้สายตรวจรถจักรยานยนต์ เขตรับผิดชอบเข้าตรวจสอบพบชาย 2 คน นั่งดื่มสุราโวยวายอยู่ในร้านอาหาร เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปพูดคุยเจรจากับชายดังกล่าวจนเกิดการโต้เถียงกัน 1 ใน 2 คน ได้มีพฤติกรรมคุกคามต่อร่างกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีการใช้ยุทธวิธีในการควบคุมตัวตามคลิป

หลังจากนั้นจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น โดย พ.ต.อ.คนองฤทธิ์ ท่านได้ลงมาควบคุมและสั่งการด้วยตัวเองเมื่อทราบว่าเสื้อเกราะของลูกน้องเสียหายจึงได้ มอบเงินเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการซื้อเสื้อเกราะใหม่พร้อมทั้งให้กำลังใจชมเชยการปฏิบัติตามยุทธวิธีได้อย่างดี เป็นที่ชื่นชมของประชาชน อีกด้วย

และจากกรณีที่มีข่าวว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สั่งการไม่ให้ดำเนินคดีกับ 2 ผู้ต้องหานั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากผกก.ได้ลงมาดูแลและสั่งการให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา นายอรัญฤทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) เมาสุราหรือวัตถุอื่นประพฤติตนวุ่นวาย ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ส่วนนายเอกธวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) แจ้งข้อกล่าวหา เมาสุราหรือวัตถุอื่นประพฤติตนวุ่นวาย ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

พ.ต.ท.รุ่งเพรช ยังกล่าวอีกว่า อาจมีบางคอมเมนต์หรือบางคนที่มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ สำหรับตามหลักยุทธวิธีแล้วเจ้าหน้าที่ได้มีการเจรจาพูดคุยก่อน แต่เมื่อผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมคุกคามต่อเจ้าหน้าที่จึงต้องมีการใช้ยุทธวิธีเข้าควบคุม เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นบุคคลที่เข้าไปรักษาความสงบไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก ต้องการให้เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นสงบลง จึงอยากขอให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย