DSI บุกค้น บ.นำเข้าซากสัตว์แช่แข็ง พบเบาะแสเชื่อมโยงเครือข่ายหมูเถื่อน

คดีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน โดยชุดเฉพาะกิจพญานาคราช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปแจ้งความเอาผิดบริษัท ผู้นำเข้า สินค้าเกษตร 3 ราย ฐานทำเอกสารเท็จและให้การเท็จ เนื่องจากสำแดงเอกสารว่าเป็นสินค้าประมง แต่แท้จริงลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน



ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายค้น ไปค้นหาเอกสาร จากบริษัทนำเข้าเนื้อสัตว์ ทั้งหมู เนื้อ และตีนไก่ ซึ่งพบว่าเคยนำเข้าเนื้อหมู 16 ตู้คอนเทนเนอร์ ชุดใหม่ที่นอกเหนือจาก 161 ตู้ และยังตกค้างอยู่ที่ท่าเรือ แหลมฉบัง โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าซากสัตว์เหล่านี้นำผ่านเขตปลอดอากร หรือฟรีโซน ที่จังหวัดนนทบุรี โดยดีเอสไออยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารที่ได้มาอย่างละเอียด



หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ นำหมายศาลไปแสดงเพื่อค้นบริษัทพีซี ฟูด เซนเตอร์ และบริษัทในเครือ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบการในเขตปลอดอากร หรือฟรีโซน ตั้งอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง และบางใหญ่ จ.นนทบุรี โดยดีเอสไอระบุว่าได้หลักฐานที่เป็นประโยชน์อย่างมาก



กรณีนี้อยู่ในคดีพิเศษที่ 127/2566 โดยเชื่อมโยงจากการที่กรมศุลกากร ตรวจสอบพบตู้สินค้าตกค้างที่ท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 90 ตู้ ในจำนวนนี้ ศุลากรได้แยกออกมาว่า เป็นหมู 16 ตู้ และเป็นไก่ เนื้อ และซากม้า 74 ตู้



โดย 74 ตู้นี้ ได้ฝังกลบไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางประเด็นว่า ได้เก็บหลักฐานไว้ครบถ้วนก่อนหน้าจะฝังกลบหรือไม่ อย่างไร ก็ตาม ทั้ง16 ตู้ ที่เป็นตู้บรรจุซากหมูเถื่อนและ 74 ตู้ ที่ฝังกลบไปอยู่ในระหว่าง ที่ดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ



หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนระบุว่า พบข้อมูลชัดเจนว่าบริษัทในเครือบริษัทนี้ จดทะเบียนโดยใช้ชื่อพนักงานบริษัท เพื่อน และญาติ ให้บริหารหลายบริษัท ที่ดำเนินการร่วมกัน แบ่งกันทำหน้าที่ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาจำนวนในประเทศไทย และยังพบข้อมูลว่าเมื่อนำสินค้าเข้ามาแล้ว จะมาเก็บรักษาไว้ในเขตปลอดอากร หรือฟรีโซน โดยมี บริษัทหนึ่ง ที่มีห้องเย็นในพื้นที่ดังกล่าว จะทยอยเคลื่อนย้ายออกไปยังตู้เย็นเพื่อรอจำหน่าย ขณะเดียวกันก็ระบุว่าหลักฐานที่พบในสำนักงาน เป็นประโยชน์อย่างมาก ต่อการขยายผล



ขณะที่อีกด้านหนึ่งชุดเฉพาะกิจพญานาคราช นำอธิบดีกรมประมง กรมปศุสัตว์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีพบหลักฐานว่าบริษัทผู้นำเข้าสินค้า 3 ราย ปลอมแปลงเอกสารใบรับรองสุขภาพสัตว์ และเอกสารอื่นที่สำแดงว่านำเข้าอาหารทะเล แต่แท้จริงเป็นหมูแช่แข็ง ซึ่งพบทั้งหมด 20 ฉบับ ปลอมแปลงขึ้นระหว่างมกราคม 64 ถึง สิงหาคม 66 ซึ่งคดีหลักก่อนหน้านี้ ถูกดีเอสไอดำเนินคดีแล้ว แต่ชุดเฉพาะกิจพญานาคราช ได้ไปแจ้งความเพิ่มแล้ว ฐานปลอมแปลงเอกสาร ให้การเท็จ ที่ตำรวจสอบสวนกลาง



อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยังเปิดเผยว่าที่ผ่านมาได้ออกตรวจห้องเย็นที่ขึ้นทะเบียนมาแล้วกว่า 2 พันแห่ง กรณีพบการทำผิดในประเทศได้เปรียบเทียบปรับไปแล้ว ส่วนกรณีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศราว 30 ราย เตรียมนำส่งให้ดีเอสไอ นอกจากนี้กรมปศุัตว์ ตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ ที่พบว่าอาจเกี่ยวข้องกับการทำผิด แยกเป็นการสอบเบืองต้น 4 คดี และสอบวินัยร้ายแรง 4 คดี โดยมีคดีที่สอบเบื้องต้นแล้ว จะถูกยกมาเป็นการสอบวินัยร้ายแรงเพิ่มอีก 1 คดี ซึ่งหากมีความผิดจะรับโทษทั้งทางวินยัและอาญา 157